IN ‘I WRITE YOU A LOT’ BY NATWAPHOL THAMRONGRATTANARIT, VIEWERS THEMSELVES ARE TURNED INTO MATERIALS WHILE THE DIRECTOR BECOMES AN ART PIECE THAT SPECTATORS LOOK FORWARD TO SEEING…
Many organizations in Thailand’s art community still enthusiastically attempt to attract the interest of the general public through different activities or persuasive words like “Art is not that hard to understand.” Amidst the long and ongoing endeavor, a rookie like BANGKOK CITYCITY GALLERY is rising as the man of the hour, garnering overwhelming interest from viewers within the less than a year’s time since the space was launched. Among its successful projects is what we would like to call a phenomenon, where thousands of people showed up for the opening of ‘I WRITE YOU A LOT,’ an exhibition showcasing a retrospective of photography and screenplays by Nawaphol Thamrongrattanarit.
Nawaphol told us that working in the actual gallery space was very different from the process of filmmaking where the director has full control over every aspect, from sets and actors to sequences of storytelling. For this exhibition, he factors in the many possibilities that may emerge from the different viewing experience where his viewers are no longer sitting in a chair in a theatre. Having said that, we still notice Nawaphol’s attempt to incorporate a cinematic quality into the exhibition, from his decision to present the photographs in light boxes, simulating a state where light is coming through a screen and creating images in the same way a movie does rather than within a normal frame where light reflects on the displayed work, to the screenplay he puts next to the work to narrate and direct its content.
Crossing from one discipline to another, cinema to art to be exact, Nawaphol reimagines the use of the gallery space. A large opening in the small exhibition room that once gave the passersby a glimpse of the exhibited artworks is changed into a sizable screen. Viewers sit and look outside while listening to the narration of the screenplay of ‘scene 135’ through headphones (Nawaphol uploaded the audio onto the website scene135.com). The story of a relationship between Sun and Vee is told from a perspective set behind a white fence of a house with large trees. Apart from new experiences viewers are given as their eyes function as the camera lens, and the reversed role that grants them the perspective of ‘Sun,’ even for a brief period of time, ‘scene 135’ is evidence of the seamless transition between fiction and reality. The unidentified white fence opposite the gallery is abruptly turned into the fence of Vee’s house, while people and cars passing by become the characters in his screenplay. If you let yourself become subsumed in the 1.23-minute duration of ‘scene135,’ it is this very moment in time where you find the line between reality and fiction being completely torn down.
Nawaphol’s personal liking of fiction, which he refers to as a “fundamental inborn trait of screen writers and directors” does not end there, but is accentuated for the live screenwriting session where he writes a screenplay after having observed every part of the gallery space (except the restroom?) via CCTV footage. This particular screenplay is broadcast live on one of the gallery’s walls for viewers to read. It was considered a very successful interactive piece, too successful at times when some of Nawaphol’s fans got a bit too eager to be included in the screenplay. Leaving out the bizarre fangirling/fanboying moments in the exhibition room, one can notice the director’s intention to create a ‘distance from the viewers.’ Nawaphol’s invisibility in the exhibition is not just a concept, “a defeated, shy spirit’ as written in the program. On the contrary, the role of a quiet observer is a crucial condition allowing for him to create countless stories, simply because the more distant he is from the viewers and the less he perceives their reality, the freer he becomes in the creation of his fictions.
While viewers are turned into materials (willingly so) that Nawaphol writes about, the director himself becomes an art piece that spectators are looking forward to seeing. ‘I WRITE YOU A LOT’ is not just an exhibition for loyal followers of Nawaphol’s work and his experimentation with reality is not just for fun but full of hidden meanings, many of which are mentioned in a good number of his short films. The exhibition will be held until 7th August 2016 at BANGKOK CITYCITY GALLERY. Have a look for yourself. If lucky, you may find yourself among the many things he writes about.
ในขณะที่หลายๆ องค์กรในวงการศิลปะไทย พยายามที่จะเชิญชวนคนทั่วไปให้หันมาสนใจศิลปะ ไม่ว่าจะผ่านกิจกรรมให้ความรู้ หรือใช้คำพูดประมาณว่า “ดูสิ เราเข้าใจศิลปะได้ไม่ยากเลยนะ” แต่ท่ามกลางความพยายามอันต่อเนื่องและยาวนานนั้นเอง แกลเลอรี่หน้าใหม่อย่าง BANGKOK CITYCITY GALLERY กลับเรียกความสนใจจากผู้ชมในวงกว้างได้สำเร็จภายในเวลาไม่ถึงปี ด้วยการสร้างปรากฏการณ์ที่มีคนนับพันคนหลั่งไหลเดินทางมายังงานเปิดนิทรรศการศิลปะ ‘I WRITE YOU A LOT .’ ที่จัดแสดงภาพถ่าย และบทภาพยนตร์ โดย นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
นวพลบอกกับเราว่าการทำงานกับพื้นที่จริงในแกลเลอรี่แตกต่างจากการทำภาพยนตร์ที่ผู้กำกับสามารถควบคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ ตั้งแต่องค์ประกอบฉาก นักแสดง ไปจนถึงลำดับการเล่าเรื่อง ซึ่งทำให้ในการจัดแสดงนิทรรศการครั้งนี้ เขาจำาเป็นต้องคิดเผื่อถึงความเป็นไปได้หลายๆ แบบที่จะเกิดขึ้นจากการรับชมตามขนบศิลปะที่คนดูไม่ได้นั่งอยู่กับที่เหมือนการรับชมภาพยนตร์ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น นวพลก็ยังพยายามปรับภาพถ่ายของเขาให้มีความ cinematic อยู่ดี เห็นได้จากการนำเสนอภาพถ่ายด้วย light box เพื่อจำลองสภาวะแสงที่ส่องออกมาจากจอแบบเดียวกับภาพยนตร์ แทนการติดตั้งในกรอบธรรมดาที่ภาพต้องรอแสงมาตกกระทบ พร้อมกับ “บท” ที่ติดอยู่ข้างๆ เพื่อบรรยายและควบคุมเนื้อหาในภาพอีกทีหนึ่ง
การทำงานที่ข้ามฝั่งจากภาพยนตร์มายังศิลปะนำไปสู่การใช้พื้นที่แกลเลอรี่ในรูปแบบใหม่ ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ในห้องจัดแสดงย่อยที่เปิดให้คนภายนอกมองเข้ามาเห็นงานศิลปะภายในถูกเปลี่ยนเป็นจอภาพยนตร์ให้ผู้รับชมนั่งมองออกไปยังภายนอก รวมทั้งหยิบหูฟังขึ้นมาฟังบทภาพยนตร์ ‘scene135’ (ที่นวพลอัพโหลดไว้บนเว็บไซต์ scene135.com) ที่เป็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของ ‘ซัน’ และ ‘วี’ ซึ่งถูกเล่าผ่านรั้วสีขาวของบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้สูง นอกจากประสบการณ์ใหม่ๆ จากการลองใช้สายตาของตัวเองแทนเลนส์กล้อง และการสลับบทบาท จากผู้ชมไปเป็น ‘ซัน’ ในระยะเวลาสั้นๆ ‘scene135’ ยังชี้ให้เราเห็นความแนบเนียนของเรื่องแต่ง ที่นวพลซ้อนลงไปบนเรื่องจริงอย่างพอดิบพอดีโดยเปลี่ยนให้รั้วสีขาวนิรนามตรงข้ามแกลเลอรี่เป็นรั้วบ้านของ ‘วี’ เอาดื้อๆ เช่นเดียวกันกับคนและรถที่ผ่านไปมาก็กลายเป็นนักแสดงจำเป็นในบทภาพยนตร์ไปโดยปริยาย ถ้าเราอินไปกับระยะเวลา 1.23 นาที ของ ‘scene135’ ก็เท่ากับว่าเส้นแบ่งระหว่าง reality และ fiction ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ณ ขณะนั้น
ความชอบแต่งเรื่องที่นวพลเรียกว่า “สันดานพื้นฐานของคนเขียนบทและผู้กำากับภาพยนตร์” ยังคงไม่จบลง และเห็นได้ชัดที่สุดในงาน live screenwriting ที่นวพลเขียนบทภาพยนตร์จากการแอบมองความเป็นไปในเกือบทุกส่วนของพื้นที่แกลเลอรี่ (ยกเว้นห้องน้ำ?) ผ่านกล้องวงจรปิด โดยบทภาพยนตร์ที่ว่าจะถูกฉายลงบนผนังด้านหนึ่งให้ผู้ชมอ่านกันสดๆ ก่อนจะพริ้นท์ออกมาเป็นฮาร์ดก็อปปี้วางเรียงบนโต๊ะกลางห้องถือเป็นงานเชิง interactive ที่ประสบผลความสำเร็จในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมอย่างมาก และอาจจะมากเกินเหตุเมื่อบรรดาแฟนคลับส่วนหนึ่งออกอาการอยากให้นวพลเขียนถึงตนจนสังเกตได้ แต่ถ้ามองข้ามเรื่องเพี้ยนๆ ที่เกิดขึ้นในห้องนิทรรศการไป เราจะเห็นอีกประเด็นสำคัญ นั่นคือ “การเว้นระยะห่างจากคนดู” การทำตัวล่องหนของนวพลไม่ได้เป็นแค่คอนเซ็ปต์ ‘ผีขี้แพ้ เหมือนวิญญาณขี้อาย’ ตามคำกล่าวในสูจิบัตรเพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นเงื่อนไขจำเป็นสำหรับการสร้าง fiction จำนวนมหาศาลอีกด้วย เพราะยิ่งอยู่ห่างและรับรู้ reality ของคนดูได้น้อยเท่าไร ก็ทำาให้นวพลมีอิสระในการสร้าง fiction มากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่ผู้ชมถูกเปลี่ยนเป็นวัตถุดิบให้นวพลเขียนถึง (โดยเต็มใจ) พร้อมๆ กันนั้น ตัวนวพลเองก็กลายเป็นผลงานศิลปะที่คนตั้งหน้าตั้งตามาดูเช่นกัน ‘I WRITE YOU A LOT .’ ไม่ได้เป็นแค่นิทรรศการรวมตัวบรรดาหนุ่มสาวที่เป็นสานุแฟนของนวพลเท่านั้น และการ “เล่น” กับความจริงของนวพลนั้นก็ไม่ได้แค่เอาสนุก แต่ยังมีความหมายซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นข้อความเดิมที่นวพลมักจะพูดอยู่บ่อยๆ ในหนังสั้นหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา นิทรรศการจะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ที่ BANGKOK CITYCITY GALLERY ลองไปดูงาน ถ้าโชคดี คุณอาจจะถูกนวพลเขียนถึง
TEXT: NAPAT CHARITBUTRA
www.bangkokcitycity.com