MONOTYPE STUDIO CONTINUES THE LEGACY OF THE LEGENDARY HELVETICA WITH THE RECENTLY UNVEILED FONT WITHIN WHICH CONTAINS OVER A MILLION VARIABLES, OR, TO BE MORE SPECIFIC, 1.235 MILLION VARIABLES
TEXT: PIYAPONG BHUMICHITRA
IMAGE AND VIDEO COURTESY OF MONOTYPE STUDIO
(For English, press here)
ปี 2019 หลังจาก Monotype Studio เปิดตัว Helvetica Now ได้ไม่นาน Charles Nix ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ของ Monotype ให้สัมภาษณ์ไว้ในเว็บไซต์ theverge.com ถึงเบื้องหลังการออกแบบ Helvetica Now คำถามหนึ่งที่ William Joel ถามเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็คือ เคยนึกถึงการทำ Helvetica ในแบบ variable font บ้างมั้ย?
“แน่นอน นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ” คือคำตอบของ Nix และผ่านไป 2 ปีเศษ (กรกฎาคม 2021) Monotype Studio ก็เปิดตัว Helvetica Now Variable ที่ต่อยอดมาจาก Helvetica Now ในรูปแบบ variable font ที่ในไฟล์ฟอนต์เดียวที่จะมีฟอนต์ให้เลือกเป็นล้านแบบ ใช่ อ่านไม่ผิด ถ้าระบุจำนวนเลยก็ 1.235 ล้านแบบ
ก่อนจะไปถึง Helvetica Now Variable ขอย้อนกลับไปเล่าถึง Helvetica Now ก่อน ย้อนกลับไปราวปี 2015 ทีมนักออกแบบตัวอักษรของ Monotype ที่ออฟฟิศเยอรมันมีไอเดียว่าจะทำ Helvetica เวอร์ชั่นใหม่กัน พวกเขารีเสิร์ชข้อมูลย้อนกลับไปที่เวอร์ชั่นแรกที่ออกแบบโดย Max Miedinger และ Eduard Hoffmann เมื่อปี 1957 พวกเขาหาข้อมูลย้อนไปตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ขั้นตอนการผลิตออกมาเป็นตัวตะกั่ว จนถึงการขนส่งตัวอักษรพวกนี้ไปตามประเทศต่างๆ และการนำไปใช้งาน
พวกเขาพบว่าช่วง 30 ปีแรกนั้น Helvetica มีตัวลาตินที่อักษรบางตัวมีให้เลือกมากกว่า 1 แบบ เช่น มีตัว R หางตรง ตัว a แบบที่เหมือนเอาตัว d มาตัดหางออก ตัว U ที่มีแต่โค้งไม่มีขายื่นออกมาที่มุมล่างขวา หรือแม้แต่พวก punctuation (เครื่องหมายวรรคตอนต่างๆ) ก็มีให้เลือกทั้งแบบเหลี่ยมและแบบกลม พอถูกทำให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล ตัวอักษรทางเลือกพวกนี้ก็ไม่ได้ถูกทำไว้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาตั้งใจจะนำกลับมา แต่เหตุผลสำคัญที่สุดที่ทำให้ทีม Monotype เลือกที่จะหยิบฟอนต์ที่ถูกใช้จนพรุนมาแล้วกับทุก sector อย่าง Helvetica มาปรับแก้ไขในครั้งนั้น ก็คือ Helvetica มีปัญหาในการอ่านเวลาที่แสดงผลบนพื้นที่ขนาดเล็ก ยิ่งถ้าขนาดต่ำกว่า 6 points ลงไปก็ยิ่งทำให้มีปัญหามาก โดยเฉพาะการแสดงผลบนสกรีนในพื้นที่เล็กมาก ๆ อย่าง smart watch หรือ smartphone
ผลจากการรีเสิร์ชและลงมือทำตั้งแต่ปี 2015 ทำให้แบบตัวอักษรชุดนี้มี 3 รูปแบบที่จับเอาสถานการณ์ในการใช้งานแบบต่างๆ มาเป็นตัวตั้ง Helvetica Now จึงเป็นฟอนต์ที่มีรูปแบบ Micro, Text และ Display สิ่งที่ Charles Nix ภูมิใจมากก็คือ Helvetica Now Micro ที่เขามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการอ่านให้ไม่มีสะดุดเวลาต้องใช้งานในขนาดเล็กไม่ว่าจะงานพิมพ์หรือบนหน้าจอ ในขนาด 3-4 points หน้าตาตัวอักษรชุด Micro ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่เลยหลายตัว อย่างเช่น ตัว f และ t ขนาดความกว้างของตัวอักษรที่ทำให้กว้างขึ้น และระยะห่างระหว่างตัวอักษรก็ถูกทำให้มีสเปซมากกว่าแบบ text และ display โดยทั้ง 3 แบบยังวาดพวกตัวสัญลักษณ์ต่างๆ นอกเหนือจาก punctuation ขึ้นมาใหม่ เช่น สัญลักษณ์สกุลเงิน เครื่องหมาย @ รวมทั้งลูกศรในแบบต่างๆ รวมกันแล้ว Helvetica Now มีอักขระทั้งหมดกว่า 40,000 ตัว
ฟังดูเหมือนเยอะ แต่จะว่าไปแล้วก็ยังเป็นจำนวนที่เทียบไม่ได้เลยกับจำนวนมากกว่าหนึ่งล้านอักขระของ Helvetica Now Variable ตัว Regualr และกว่า 2 ล้านห้าแสนอักขระถ้าเป็นตัว Italic ซึ่งจำนวนทั้งหมดที่ว่ามานี้รวมอยู่ในไฟล์เดียวเท่านั้น Helvetica Now Variable เปิดตัวเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2021 วางจำหน่าย 2 สไตล์ก็คือตัว Regular และตัว Italic ทาง Monotype แนะนำไว้ว่าสามารถใช้เป็นชุดต่อขยายจาก Helvetica Now หรือจะนำไปใช้ในแบบที่เอาไป custom เองก็ได้ ทั้งน้ำหนัก (ตั้งแต่ Hairline ถึง Extra Black) และขนาดที่เหมาะกับการอ่าน (ตั้งแต่ 4 points จนถึงขนาดเท่าไหร่ก็ได้) โดยเพิ่มความแคบของตัวอักษรอีก 2 สไตล์ที่นักออกแบบกราฟิกคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก็คือตัว Compressed และตัว Condensed
เรามีโอกาสสนทนากับ ศุภกิจ เฉลิมลาภ ผู้ร่วมก่อตั้ง Katatrad สตูดิโอออกแบบและจำหน่ายตัวอักษรที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของไทย หลังการเปิดตัว Helvetica Now Variable ได้ไม่นาน และนี่คือบางส่วนที่ศุภกิจมีความเห็นต่อฟอนต์ชุดนี้ และช่วยให้เราเข้าใจ variable font มากขึ้น
Suppakit Chalermlarp: เทคโนโลยี variable font ช่วยให้นักออกแบบสร้างสรรค์งานที่ใช้ตัวอักษรสนุกขึ้น เพราะมันเปิดให้เกิดความเป็นไปได้มากมายทั้งบนสิ่งพิมพ์ หรือบนจอแสดงผล โดยเฉพาะปัจจุบันที่การแสดงผลบนอุปกรณ์มีความหลากหลายมาก ความยืดหยุ่นสูงนี้ช่วยในการปรับตัวอักษรตามความเหมาะสมกับขนาดและสัดส่วนของหน้าจอ ตั้งแต่จอขนาดใหญ่ ไปจนถึงขนาดเล็ก ตั้งแต่จอความละเอียดสูง ไปจนถึงจอความละเอียดต่ำ รวมถึงใช้ทรัพยากรน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับฟอนต์แบบปัจจุบัน” ศุภกิจอธิบายถึงความสำคัญของ variable font ที่เกิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่าง Adobe, Apple, Google และ Microsoft เมื่อปี 2016 พัฒนาเป็นเทคโนโลยีตัวอักษรที่ฟอนต์จะมาในรูปแบบไฟล์เดี่ยวแต่มีทุกขนาดความหนาและความกว้างในแกนที่ตัวอักษรชุดนั้นมี
art4d: จำนวน 1.235 ล้านรูปแบบตัวอักษรที่ Monotype ใช้โปรโมทจะมีผลอะไรบ้างในการออกแบบฟอนต์ของสตูดิโออื่นในอนาคต เพราะถ้านึกภาพตาม เราซื้อ Helvetica Now Variable ไปใช้ตัวเดียว แทบไม่ต้องซื้อฟอนต์ San Serif ตัวอื่นไปอีกหลายปี
SC: ปกติความหนาของฟอนต์เราจะเซ็ทไว้ที่ 100-900 ซึ่งเราแทน 100 เท่ากับ Thin ถ้า 400 ก็เท่ากับ Regular ถ้า 900 ก็เท่ากับ Black ซึ่งเดิมเราจะปรับขนาดความหนาบางได้ทีละ 100 แต่ variable font จะพิเศษกว่าตรงที่เราไม่จำเป็นต้องขยับทีละ 100 แต่ขยับที่ตัวเลขเท่าไหร่ก็ได้ ก็เลยจะได้จำนวนตามที่ Monotype บอกไว้ว่า 1 ฟอนต์จะมีน้ำหนักที่เกิดขึ้นได้หลากหลายมาก
art4d: แล้ว variable font ที่มีจำนวนมากขนาดนี้จะมีผลกระทบอะไรกับอุตสาหกรรมโดยรวมของ type foundry (สตูดิโอออกแบบตัวอักษร)
SC: อันนี้เป็นที่ถกถาม-พูดคุยกันในแวดวง type foundry ว่าการมาของเทคโนโลยีนี้ จะทำให้โครงสร้างราคาเดิมเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าถามความคิดเห็นผม สุดท้ายทุกสิ่งมันก็ต้องขยับไป ซึ่งการมาของ variable font ก็เป็นอีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลง ผมคิดว่าคงใช้เวลาอีกสักพัก ตลาดจะปรับตัวจนเข้าที่ ส่วนเรื่องการมาของ Helvetica Now Variable จะทำให้ type foundry เจ้าอื่นมีปัญหาหรือไม่นั้น ส่วนตัวผมคิดว่าในระยะยาวไม่น่าจะมีปัญหา เพราะในที่สุดแต่ละค่ายก็จะมีผลิตภัณฑ์ variable font ออกมาเหมือนกัน แต่ในระยะสั้นก็อาจจะมีกระทบบ้าง เนื่องจากการพัฒนาต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก
art4d: แล้วถ้ากลุ่มคนทำฟอนต์รายเล็กจะเจอผลกระทบอะไรบ้าง
SC: การมาของ variable font อาจจะมีผลกระทบกับคนออกแบบฟอนต์รายเล็กบ้างในช่วงแรก แต่ไม่ได้เป็นปัญหาที่ถึงกับจะทำให้ต้องล้มหายกันไป เนื่องจากการทำฟอนต์แบบ variable font นั้นอาจต้องใช้เวลามากกว่าการทำฟอนต์แบบเดิมอย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เพราะฉะนั้นถ้ามีทีมที่ใหญ่กว่าก็จะทำงานได้เร็วกว่า ถ้าทีมเล็กก็อาจจะต้องใช้เวลามากกว่าในการทำฟอนต์แต่ละโปรเจ็คต์นั่นเอง
Monotype เคลมไว้ว่า Helvetica Now Variable จะเปลี่ยนความเข้าใจของผู้คนที่มีต่อคำว่า typeface เสียใหม่ แบบที่ลืมได้เลยว่าก่อนหน้าจะมี Helvetica Now Variable นั้น typeface เป็นยังไง นี่เป็นแค่โฆษณาเกินจริงเป็นเหมือนพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ หรือเป็นความสามารถพิเศษของ copywriter คนที่ลองใช้ฟอนต์ตัวนี้แล้วคงตอบได้ และคนที่ลองใช้ที่เป็นนักออกแบบตัวอักษรคงตอบได้ดีที่สุด