คาเฟ่หน้าตาคล้ายล็อกเกอร์โดย Jo Nagasaka ที่เปิดโอกาสให้ผู้คนสั่งกาแฟได้อย่างปลอดภัยภายใต้ภาวะ New Normal ของสังคม
TEXT: PICHAPOHN SINGNIMITTRAKUL
PHOTO: TAKUMI OTA
(For English, press here)
ในวิกฤตการป้องกันโรค COVID-19 จากช่วงปีที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงด้านการสื่อสารและเชื่อมต่อระหว่างผู้คนในสังคมครั้งยิ่งใหญ่ บริษัทและห้างร้านทั่วโลก ต่างต้องหาแนวทางในการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และแน่นอนว่าในความอลหม่านนี้ มีหลายคนที่มองเห็นเพียงปัญหาและอีกหลายคนกลับมองเห็นโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ภายใต้ภาวะ New Normal ของสังคม 
New Normal ที่ว่าคือการรักษาระยะห่างในการสื่อสาร เพื่อสุขอนามัยและลดการแพร่เชื้อไวรัสที่อาจเกิดขึ้นจากการสัมผัสสิ่งของร่วมกัน สถานการณ์นี้ทำให้ James Freeman ผู้ก่อตั้งร้านกาแฟ Specialty Coffee แบรนด์ดังสัญชาติอเมริกัน Blue Bottle Coffee เกิดไอเดียเพื่อแก้ปัญหาเรื่องสุขอนามัยและการรักษาระยะห่างจากขั้นตอนของการสั่งซื้อกาแฟ ที่แต่เดิมต้องมีการพูดคุยแบบ Face-To-Face ระหว่างพนักงานและลูกค้า ตั้งแต่การสั่งซื้อในขั้นตอนแรกไปจนถึงการรับแก้วกาแฟจากพนักงานโดยตรงหลังจากชงเสร็จ
Blue Bottle Coffee Pop-Up Cafe เป็นโปรเจ็คต์ระยะสั้นที่ James ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อทดลองการสั่งซื้อกาแฟแบบภาวะ New Normal ในช่วงเดือนธันวาคม 2021 – กุมภาพันธ์ 2022 ที่ผ่านมา ที่ตึก Shibuya Scramble Square โดยได้เจ้าประจำอย่าง Schemata Architects โดย Jo Nagasaka สถาปนิกชาวญี่ปุ่นผู้อยู่เบื้องหลังงานออกแบบ Blue Bottle หลากหลายสาขา เป็นผู้ร่วมออกแบบโครงสร้างของตู้ Pop Up ทั้งหมด
เชื่อว่าทุกคนที่เห็นตู้ครั้งแรกคงไม่มั่นใจว่านี่คือ cafe หรือตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของกันแน่ เพราะลักษณะของตู้ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายล็อคเกอร์จริงๆ อย่างที่เห็น โดยโครงสร้างหลักถูกประกอบขึ้นจากวัสดุไม้ แบ่งเป็นช่องตารางขนาดเท่าๆ กัน และมีฝาเปิด-ปิด ของแต่ละช่องเหมือนกับช่องเก็บของทั่วไป ซึ่งการใช้งานจริงของช่องแต่ละช่องนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร เพราะเป็นช่องสำหรับวางแก้วกาแฟที่พนักงานภายในตู้จะนำเครื่องดื่มแต่ละออเดอร์มาวางไว้ หลังจากลูกค้าได้ทำการสั่งซื้อผ่านเครื่องสั่งกาแฟอัตโนมัติบริเวณหน้าตู้ Pop-Up
นอกจากนี้ พื้นผิวที่มองเห็นจากภายนอก และส่วนของฝาเปิด-ปิด ที่สถาปนิกเลือกวัสดุอะคริลิกโปร่งแสงมาใช้ ยังเป็นการนำเสนอการสื่อสารรูปแบบใหม่ นั่นคือการมองเห็นเพียงเงาบางๆ ของแก้วกาแฟที่ถูกนำมาวางไว้ ซึ่งทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ว่าออเดอร์ของตนเองชงเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องทำการเรียกขาน หรือตอบรับอะไรกับพนักงานที่อยู่ภายในตู้ แน่นอนว่าเป็นการตอบโจทย์เรื่องการรักษาระยะห่างได้เป็นอย่างดี
น่าเสียดายที่ Pop-Up Cafe แห่งนี้ ถูกทดลองใช้งานเพียงระยะสั้นๆ และได้ถูกรื้อถอนออกไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับคอกาแฟที่อยากมีโอกาสได้ลิ้มลอง Specialty Coffee จากแบรนด์ Blue Bottle Coffee สักครั้ง ก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อสั่งซื้อหรือเสิร์ชสถานที่ตั้งที่สะดวกเดินทาง (บิน) ไปได้เลย และเชื่อว่าในแต่ละสาขาทั้งในอเมริกาและเอเชียคงมีอะไรใหม่ๆ ให้เข้าไปค้นหาไม่แพ้กับ Pop-Up Cafe สาขา Shibuya Scramble Square เช่นกัน สำหรับเมืองไทยต้องขอบอกว่าเรารอคนนำเข้ามาอยู่นะ
