พาสำรวจ ‘Thematic Pavilion’ ในงานสถาปนิก’68 กับ 6 พื้นที่ที่รวบรวมดีไซน์สุดล้ำจากนักออกแบบผ่านวัสดุและดีไซน์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ
TEXT: NATHATAI TANGCHADAKORN
PHOTO & IMAGE COURTESY OF THE DESIGNER
(For English, press here)
สำหรับใครที่เข้าชมงานสถาปนิกทุก ๆ ปี คงไม่มีใครไม่รู้จักกับพื้นที่ไฮไลต์ภายในงานอย่าง ‘พื้นที่ Thematic Pavilion’ ซึ่งเป็นโปรเจกต์ในการสร้างสรรค์ผลงานร่วมกันระหว่างผู้แสดงสินค้าและดีไซน์เนอร์ให้ออกมาเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชม และในงานสถาปนิก’68 มาพร้อมกับ Thematic Pavilion มากถึง 6 พื้นที่ นับว่ามีมากที่สุดตั้งแต่มีการจัดงาน โดยในปีนี้ได้นักออกแบบอย่าง Looklen Architects, FLAT12x, pbm, ativich, POAR และ Architects & Associates (A&A) มาผสานพลังกับเหล่าแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อนำเสนอประสบการณ์และแง่มุมใหม่ ๆ ของผลิตภัณฑ์ได้อย่างน่าสนใจ
Looklen Architects x S-ONE
อลูมิเนียมเป็นวัสดุที่นักออกแบบทุกคนเคยสัมผัส การนำเสนอพาวิลเลียนจากอลูมิเนียมให้มีความแปลกใหม่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดาย ครั้งนี้ Looklen Architects นำรูปโฉมของอลูมิเนียมที่ตามปกติแล้วจะมีเพียงผู้ผลิตที่ได้เห็นในโรงงาน รูปแบบของมัดอลูมิเนียมและสีเดิม ๆ ที่ยังไม่ผ่านการชุบ พ่น ตกแต่งของมันกลายเป็นใจความหลักของงาน และถูกคิดร่วมกับโครงสร้างเสา-คานซึ่งถูกบิดกริดให้เอียง 45 องศา เพื่อความน่าตื่นเต้น
ความยาวของอลูมิเนียมแต่ละมัดแบ่งเป็นโมดูล 3 แบบ ได้แก่ 6.35 เมตร 5.35 เมตร และ 3.85 เมตร และใช้การขัดสานระหว่างมัดเสาและมัดคานอีก 2 แกนมาช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้าง ทั้งยังเป็นการลดจุดที่ต้องเจาะอลูมิเนียมลง ทำให้หลังจบงานผู้ผลิตจะได้อลูมิเนียมความยาวพอเหมาะ ทั้งจากส่วนที่ใช้งานและเศษจากการตัดที่ล้วนยังไม่ผ่านการทำสีสามารถนำกลับไปใช้งานต่อได้ ซึ่งนอกเหนือจากตัวพาวิลเลียนแล้ว Looklen Architects ยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และมัลติมีเดียที่เป็นตัวแทนของอลูมิเนียมในมุมมองใหม่ ๆ อีกด้วย
FLAT12x x Vanachai Group
ไม้อัดซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์หลักของ วนชัย กรุ๊ป ได้รับการขับตัวตนเน้นผ่านอุโมงค์โค้งที่ทอดยาวเป็นกำแพงสูงเด่น อุโมงค์นี้ประกอบขึ้นมาจากไม้อัดที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันนานาชนิดวางเหลื่อมซ้อนกันบนโครงสร้างเหล็ก และตั้งใจเผยความยืดหยุ่นในการใช้งานของผลิตภัณฑ์ผ่านความโค้ง ไปพร้อมกับเปิดพื้นที่นั่งสนทนามุมหนึ่งให้กับบูธ
ภายในอุโมงค์ที่เป็นกึ่งงานประติมากรรมชิ้นนี้เป็นส่วนที่ใช้บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ รูปแบบพื้นที่นำพาเราให้เคลื่อนที่เป็นเส้นตรงแม้จะมีทางเข้าออกหลายทาง ส่วนปลายของพาวิลเลียนนี้ยังจัดแสดงประติมากรรมเชิงสัญลักษณ์ของวนชัย กรุ๊ปอีกชิ้นหนึ่งไว้ ผลงานจึงนับว่าถูกออกแบบมาเพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเรื่องราว โดยที่ตัวมันเองก็เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนั้นด้วย
pbm x Nippon Paint
จากวงล้อสีที่เราหยิบจับกันจนเคยชิน สู่พาวิลเลียนที่เป็นเสมือนวงล้อเวลาที่หมุนตามแต่ละช่วงของชีวิตคนเราที่มีหลากหลายอารมณ์ pbm นำแถบสีมาคลี่กางออกเป็นชั้น ๆ สร้างสเปซภายในที่คนสามารถเดินลอดผ่านตรงกลาง ซึ่งนอกจากแสงสีที่จะแต่งแต้มพื้นหลังสีขาวแล้ว รูปแบบของพาวิลเลียนที่มีความโปร่งจากซี่ระแนงและ volume จากเปลือกที่บิดโค้ง ก็ทำให้ ‘เงา’ เข้ามาเป็นอีกองค์ประกอบในการกระตุ้นอารมณ์และสร้างความเชื่อมโยงกับผู้คน
เฉดสีต่าง ๆ ถูก pbm นำไปเปรียบเปรยกับความรู้สึก แล้วทำให้เป็นรูปธรรมด้วย immersive experience ที่จะเติมสภาพแวดล้อมภายในพาวิลเลียนที่ตั้งใจให้เป็นดั่งผืนผ้าใบ ซึ่งเป็นการนำเสนอคอนเซ็ปต์ The Future City ของ Nippon Paint ที่มีความล้ำสมัยไปในตัวอีกทาง พาวิลเลียนนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เยี่ยมชมได้ค้นพบตัวเองผ่านสีสันและแสงเงาที่แตกต่าง ผ่านประสบการณ์ที่ไม่ใช่แค่เฉดสี แต่ยังมีน้ำหนัก มิติของพื้นผิว และปัจจัยอื่น ๆ ที่ประกอบขึ้นเป็นความงาม
ativich x VG
ativich นำเสนอหลังคาที่เป็นส่วนสำคัญของสถาปัตยกรรมทุกยุคสมัย ด้วยพาวิลเลียนที่ดึงเอารูปทรงเหลี่ยมมุมและวัสดุก่อสร้างหลังคาที่เราคุ้นเคยมาผสานเข้ากับคอนเซ็ปต์ของกล้อง Kaleidoscope ที่สร้างสรรค์ประสบการณ์จากกระจกเงาและวัสดุให้สีสัน พาวิลเลียนนี้ดึงประสบการณ์ที่ว่ามาอยู่ในพื้นที่ที่โอบล้อมรอบตัวเราแทนที่จะถูกจำกัดเฉพาะมุมมองหนึ่ง การหมุน Kaleidoscope ที่แต่เดิมทำเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของวัสดุให้มีสีสัน ก็อาศัยการเคลื่อนที่ของคนที่อยู่ในพาวิลเลียนมาสร้างมุมมองใหม่
สิ่งที่อยู่เหนือสภาพแวดล้อมในพื้นที่ของ The Forest of Mirrors เป็นโครงสร้างหนาหนักที่ถูกพรางอยู่อย่างแนบเนียนภายใต้แผ่นหลังคาและระแนงขนาดใหญ่ด้านบน พาวิลเลียนจึงให้ความรู้สึกเบาลอย สะท้อนถึงคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์พร้อมเป็นที่มาของรูปลักษณ์ภายนอกที่คมคายโฉบเฉี่ยว
POAR x WOODDEN
พาวิลเลียนโดย POAR ได้รับการออกแบบเพื่อค้นหาวิธีจัดแสดง ‘ความประณีต’ ของกระบวนการคัดสรรและตัดแต่งไม้ของแบรนด์ซึ่งทำชิ้นต่อชิ้น ดีไซน์จึงออกมาเป็นชั้นวางสเตนเลสที่มีความเรียบง่ายสะอาดตา เพื่อไม่ให้ความสวยงามของไม้ที่มีลวดลายตามธรรมชาติเหล่านี้ถูกรบกวน และลดผลกระทบจากความชื้นเมื่อวางไม้ซ้อนทับกัน โดยไม้แต่ละชิ้นบนชั้นจะมีความยาวแตกต่างไปตามช่วงลายที่มีความสวยงาม
อีกด้านของพาวิลเลียนเป็นหลังคาจั่วที่ถูกบิดให้มีรูปลักษณ์เฉพาะตัว เพิ่มพื้นที่ภายในส่วนแรกให้กับพาวิลเลียนด้วยผนังตกแต่งสามมิติ ชั้นวางและจั่วยังเอนพิงกันเพื่อถ่ายแรงในเชิงโครงสร้าง เกิดเป็นพื้นที่เล็ก ๆ คล้ายซอกทางเดินขึ้นอีกส่วนหนึ่ง องค์ประกอบทั้งหมดนี้เปิดให้ผู้ชมสามารถพิจารณาลายไม้ได้จากหลายระยะ ทั้งใกล้และไกล
A&A x Fameline
A&A มาพร้อมคอนเซ็ปต์ My Time, My Space ที่สื่อถึงเส้นทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจของ Fameline ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สองวลีนี้ได้กลายเป็นกายภาพสองส่วนของพาวิลเลียน ได้แก่ My Time หรือโครงสร้างอลูมิเนียมที่ค้ำยันอยู่ด้านหน้า ซึ่งออกแบบให้เป็นเส้นโค้งที่ไหลลื่นเหมือนการเคลื่อนที่ของเวลา และเป็นตัวแทนของธุรกิจในรุ่นปัจจุบันของ Fameline ที่จะเป็นรากฐานเพื่อการต่อยอดต่อไปในอนาคต
ส่วนที่สองคือ My Space ที่ต้องการสะท้อนคุณค่าและตัวตนของวัสดุที่มีต่องานออกแบบ จึงอยู่ในรูปแบบของผนังที่แสดงความยืดหยุ่นในการใช้งานของ cladding และวิธีสร้างสรรค์งาน cladding ใหม่ ๆ เช่น ผิว cladding ที่เปลี่ยนสีหรือปรับองศาได้ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับ lighting design ที่เพิ่มลูกเล่นให้กับพื้นผิวสะท้อนแสง นอกจากนี้ยังมีจุดทดลอง AR และ VR ภายในบูธที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเห็นภาพเสมือนจริงของการใช้งานวัสดุในโปรเจกต์ต่าง ๆ
อ่านคอนเซ็ปต์แล้วทุกคนชื่นชอบพาวิลเลียนไหนกันบ้าง? ทุกปีพื้นที่ Thematic Pavilion จะเป็นเหมือนไฮไลต์ของงานสถาปนิกที่เข้ามาสร้างสีสันให้บูธผลิตภัณฑ์ก่อสร้างไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่ขาย หากแต่เป็นพื้นที่จุดประกายไอเดียให้นักออกแบบ สถาปนิก และผู้สนใจอีกด้วย สอดแทรกความคราฟต์เข้ากับอุตสาหกรรมอย่างไหลลื่น ซึ่งปีนี้ก็นับว่าคอนเซ็ปต์และภาพแรกที่ออกมานี้ตีโจทย์ได้ดีทีเดียว