ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง space และ branding เป็นหัวใจสำคัญสตูดิโอออกแบบภายในแห่งนี้ ที่ร่วมกันรังสรรค์รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ในงานออกแบบได้อย่างถึงเครื่อง ถึงจริต จนใครๆ ก็ต้องพูดว่า ‘แซ่บ’
TEXT: SAB
PHOTO: PATHIPOL RATCHATAARPHA
(For English, press here)
WHO
เรียกพวกเราสั้นๆ ว่า ‘แซ่บ’ (SAB) แซ่บที่มาจากชื่อจริงพวกเราทั้งสองคน Sirintra And Boonyanuch (สิรินทรา และ บุณยนุช)
WHAT
พวกเราออกแบบงาน interior ที่คำนึงถึงเรื่อง space+branding ไปพร้อมๆ กัน เพราะพวกเราเชื่อว่ามันคือเรื่องเดียวกัน การที่จะทำให้งานออกแบบแตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะนั้น ต้องมาจากการสร้าง brand ที่แข็งแรงไปพร้อมกับการออกแบบสเปซให้คนรับรู้ เข้าใจ เข้าถึง และสร้างภาพจำเมื่อเข้ามาในสเปซนั้นๆ ได้
WHEN
เราสองคนเรียกได้ว่าเป็น soulmate ที่แท้จริง พวกเราอยู่อนุบาลเดียวกัน โรงเรียนเดียวกัน มหา’ลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน ใช้เวลาทั้งชีวิตเติบโตมาด้วยกันจริงๆ พวกเราเริ่มทำงานออกแบบทั้งงาน event และ interior ด้วยกันตั้งแต่ตอนสมัยเป็นนิสิตปี 4 กำลังจะขึ้นปี 5 เป็นต้นมา เราสองคนทำงานโดยที่แทบจะไม่ต้องมานั่งแยกว่า ใครต้องทำอะไร ใครต้องทำส่วนไหน ทำให้งานออกแบบพวกเราเหมือนคนๆ เดียวกันเสมอ
WHERE
‘โต๊ะวันเสาร์’ ที่จริงหลังจากเรียนจบพวกเราก็ต่างคนต่างทำงานกันคนละที่ วันเสาร์เลยเป็นวันที่เราสองคนมักจะนัดเจอกันตามร้านอาหาร คาเฟ่ หรือบาร์ เพื่ออัปเดตพบปะพูดคุย เชื่อไหมว่าการคิดงานแรกๆ ของ SAB ก็คิดกันบนโต๊ะในร้านอาหารสักร้าน ในวันเสาร์ที่เราเจอกันนี่แหละ
WHY
เพราะเราสองคนถนัดกันคนละด้านชัดเจน เก๋-บุณยนุช ถนัดออกแบบดีไซน์ ส่วน แคท-สิรินทรา ก็ถนัดงานโครงสร้าง ดังนั้นพอมารวมกันก็เหมือนสองคนในร่างเดียวกันจริงๆ เป็นส่วนผสมที่ลงตัวโดยที่แทบไม่ต้องมานั่งปรับจูน มันเลยทำให้พวกเราสนุกที่จะออกแบบและสร้างสรรค์ในแต่ละโปรเจ็กต์เต็มที่ และเติมเต็มกันและกันโดยให้ได้มาซึ่งงานออกแบบที่ใครเห็นก็ต้องพูดได้ว่า “งานนี้แซ่บจริงๆ”
คุณนิยามสไตล์การออกแบบของตัวเองไว้อย่างไร
คำว่า SAB หรือ ‘แซ่บ’ ของเราไม่ได้เน้นความเปรี้ยว ความเท่ ความหวือหวา หัวใจหลักของการออกแบบจะเน้นคำว่า Space And Brand เพราะการออกแบบสเปซที่คำนึงถึงเรื่อง brand จะช่วยสร้างประสบการณ์และรูป รส กลิ่น เสียงให้เป็นจริตของแบรนด์นั้นๆ เพื่อให้เวลาที่ผู้ใช้งานเข้ามาภายในพื้นที่ จะเกิดประสบการณ์และภาพจำกับแบรนด์นั้นอย่างไม่รู้ลืม และถ้าเปรียบเสมือนรสชาติก็ต้องเป็นรสชาติที่เรียกว่า ‘ถึงเครื่อง’ ถึงจะเรียกได้ว่าเป็น Space And Brand หรือ SAB (แซ่บ!) ที่เป็นสไตล์การออกแบบของพวกเราจริงๆ
อะไรคือแรงบันดาลใจและหลักการในการทำงานแต่ละครั้ง
การพูดคุย บทสนทนาง่ายๆพวกนี้ล่ะ สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราทุกครั้ง เพราะการที่เราจะเริ่มออกแบบให้ใครหรือโปรเจ็กต์ไหน เราอยากทำความเข้าใจคนๆ นั้นให้มากที่สุดก่อน ว่าจริงๆ แล้วเขาชอบอะไร เขาต้องการอะไร และเขาเป็นคนบุคลิกแบบไหน ซึ่งมันจะต้องถูกถ่ายทอด และสะท้อนออกมาใน space ที่เราทำ นี่เป็นโจทย์หลักในการออกแบบของพวกเราเสมอ personality > pain point > goal or dream
1.เริ่มพูดคุย บนทสนาทั่วไป ให้เข้าใจ personality ของคนหรือแบรนด์นั้นๆ 2.ทุกคนย่อมมีความเจ็บปวด หรือความผิดหวัง ประสบการณ์ที่ไม่ดีจากการใช้งานต่างๆ เราเลยต้องพูดคุยเพื่อค้นหาให้เจอว่าอะไรคือ pain point 3.ที่สำคัญที่สุด อะไรคือความฝันและความต้องการที่เขาอยากจะได้จริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล่ะทำให้เกิดแรงบันดาลใจและหลักในการทำงานของพวกเราทุกครั้ง สิ่งที่เราสร้างหรือออกแบบขึ้นมาใหม่ต้องกลับไปตอบโจทย์สามหัวข้อนี้ทั้งหมด
โปรเจ็กต์ไหนที่คุณภูมิใจมากที่สุด เพราะอะไร?
คงจะโปรเจ็กต์ต่อไปในอนาคตที่เราจะได้ทำด้วยกัน เพราะนั่นหมายถึงเรายังได้ทำอะไรสนุกๆ ด้วยกันต่อไป แม้จะยังไม่รู้ว่าโปรเจ็กต์ใหม่จะเป็นอะไรก็ตาม เราภูมิใจทุกผลงานที่ทำด้วยกัน แต่ที่แน่ๆ หละ อันต่อไปต้องภูมิใจกันกว่าเดิม และต้อง ‘แซ่บ’ กว่าเดิมแน่นอน
คุณชอบขั้นตอนไหนระหว่างทำงานมากที่สุด?
น่าจะเป็นตอนที่ทำ conceptual design เพราะมันเป็นดราฟต์แรกๆ ของพวกเราว่าโปรเจ็กต์นั้นจะเดินไปในทิศทางไหน งานออกแบบมีได้หลากหลายรูปแบบและทางเลือกมากๆ แต่มักจะเป็นภาพจากสเก็ตช์จากวันแรกที่นำพาพวกเราไปในวันสุดท้าย พองานเสร็จเราสองคนก็จะแซวกันเสมอว่า “งานเหมือนสเก็ตช์ / perspective ที่ทำไว้เลยเนอะ”
ถ้าคุณสามารถเชิญ ‘ครีเอทีฟ’ สักคนไปดื่มกาแฟด้วยกันได้ คุณจะเลือกใครและทำไม
แน่นอนว่าต้อง พี่เม้ง ชูใจ กับกัลยานมิตร เฮียเม้งเป็นพี่ชายของเก๋ ที่เราสองคนเติบโตมาพร้อมๆกับการเห็นเฮียเม้งเรียนในคณะสถาปัตย์ จุฬาฯ เฮียเม้งและเพื่อนๆ เฮียในตอนนั้นนี่แหละเป็นคนเริ่มสอนพวกเราวาดรูปเพื่อที่จะเตรียมสอบเข้าคณะ นั่นเป็นการขีดเขียนเส้นแรกบนกระดาษ และใครจะคิดว่าจากวันนั้น พวกเราก็ยังขีดเขียนเส้นด้วยกันอยู่