THIS STRANGE-LOOKING BUILDING DESIGNED BY BUNDIT CHULASAI, MAY BE THE ANSWER TO THE CHANGES IN THE THAI WAY OF LIVING IN LATE 1990S – EARLY 2000S IN THAILAND
รูปทรงต่างๆ ของบ้านที่เกิดขึ้นในระยะรอยต่อระหว่างทศวรรษ 1990 – 2000 ในบ้านเรา ต่างมีผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม ความหนาแน่นของประชากร เศรษฐกิจ มูลค่าที่ดิน รวมทั้งรสนิยมต่อที่พักอาศัย (ซึ่งในปัจจุบันก็ดูไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไรนัก) อาคารรูปทรงแปลกตาที่ออกแบบโดย บัณฑิต จุลาสัย หลังนี้ อาจจะเป็นอีกคำตอบหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงวิถีการอยู่อาศัยของคนไทยในช่วงเวลานั้น
(For English, please scroll down)
คำถามหนึ่งที่ต้องพบต้องเจออยู่เสมอในหมู่สถาปนิกและนักออกแบบไม่ว่าจะเป็นสาขาไหนก็ตามก็คือ ความคิดสร้างสรรค์นั้นมาจากไหน? คำตอบที่เคยได้ยินมาในครั้งหนึ่งว่าความคิดสร้างสรรค์มาจาก “การแก้ปัญหา” นั้น ฟังดูไม่ค่อยน่าเชื่อเลยทีเดียว แต่ก็ต้องยอมรับกันว่ามันเป็นความจริงบางส่วน ค่าที่ว่าบรรดาสิ่งที่เรายอมรับกันว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์นั้นต้องซ่อนคำตอบสำหรับปัญหาบางอย่างเสมอ ในระยะไม่นานมานี้ที่สภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจเข้าขั้นวิกฤติ แล้วได้ยินคนพูดกันเสมอๆ ว่าให้พยายามพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสหรือพลิกปัญหาให้เป็นความคิดสร้างสรรค์ แล้วมีความรู้สึกช่วยสนับสนุนว่าความคิดสร้างสรรค์สัมพันธ์กับการแก้ปัญหานั้น มันจริงมากขึ้นทุกที เมื่อ บัณฑิต จุลาสัย พูดถึงบ้านใหม่ของเขาที่เพิ่งสร้างเสร็จว่า เป็นบ้านที่เขาพยายามเปลี่ยนปัญหาต่างๆ ให้เป็นโจทย์ แล้วตอบโจทย์นั้นเสีย ในที่สุดก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็น “บ้านชั้นเดียวใต้ถุนโล่ง 6 ชั้น” ทำให้รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าบ้านหลังนี้ต้องมีอะไรที่น่าสนใจแน่นอน
ภายใต้ข้อจำกัดของที่ดิน ที่ตั้ง และงบประมาณ บ้านที่เกิดขึ้นจึงสามารถแก้ปัญหาใหญ่ๆ ได้ เช่นในเรื่องความเป็นส่วนตัว เมื่อสภาพที่ตั้งรอบๆ ตัวบ้านเปลี่ยนไป ความเป็นส่วนตัวกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากขึ้น ในขณะที่สถาปนิกนึกถึง space ที่สามารถแก้ผ้าเดินไปเดินมาข้างบนได้โดยอิสระในขณะที่ถนนในบริเวณพลุกพล่านขึ้นทุกวัน ลักษณะที่อยู่อาศัยแบบเบาบางก็เริ่มกลายเป็นเขตที่พักอาศัยที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ การยกส่วนตัวบ้านขึ้นสูงยังช่วยแก้ปัญหาในเรื่องการรับลม แก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัย ซึ่งสามารถควบคุมได้จากจุดๆ เดียว รวมทั้งแก้ปัญหาเรื่องการต่อเติมในอนาคต ซึ่งสถาปนิกได้ออกแบบเผื่อสำหรับการขยายตัวในลักษณะลงไปด้านล่างแทนที่จะเป็นลักษณะต่อขึ้นไปด้านบนบ้านเช่นอาคารทั่วๆ ไป การต่อเติมลงมาด้านล่างสามารถทำได้โดยสะดวกกว่าเมื่อคิดถึงปัญหารบกวนจากการก่อสร้างส่วนต่อเติม เมื่อมองจากภาพรวมของสถาปัตยกรรมที่เกิดขึ้น ยังเห็นได้ว่าโอกาสในการต่อเติมนั้นมีความเป็นไปได้อย่างหลากหลายและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงประโยชน์ใช้สอยหรือในเชิงสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็นลักษณะเฉพาะส่วนหรือทั้งอาคาร โอกาสในการออกแบบส่วนต่อหรือส่วนขยายที่ทำให้เกิดความแตกต่าง (variations) ที่น่าสนใจได้มากมายจากกรอบของตัวบ้านที่เป็นอยู่
รายละเอียดของสถาปัตยกรรมถูกตัดสินด้วยงบประมาณ โดยแรกเริ่มเดิมทีสถาปนิกสนใจที่จะใช้คอนกรีตเปลือยเป็นผิวอาคารทั้งหมด แต่เกรงว่าอาจไม่สามารถควบคุมงานคอนกรีตให้เป็นพื้นผิวที่ประณีตและมีคุณภาพดีทั่วถึงอย่างที่ต้องการได้ ในที่สุดจึงตัดสินใจใช้คอนกรีตบล็อคที่เป็นผิวลอนไม่ฉาบปูนพื้นผิวส่วนใหญ่ทั้งเป็นผิวโครงสร้างตรงไปตรงมา และทาสีหรือทำ finishing เฉพาะส่วนที่ต้องการ หลังคาเป็นหลังคาแบนซึ่งออกแบบให้เป็น 2 ชั้น (double roof) โดยใช้เสารั้ววางแล้วเอากระเบื้องลอนวางอีกชั้นหนึ่ง เพื่อช่วยเป็นฉนวนกันความร้อน เสารั้วคอนกรีตยังถูกนำมาใช้ในรายละเอียดส่วนอื่นๆ เช่น ราวระเบียงซึ่งให้ความรู้สึกคล้ายระแนงไม้
บัณฑิต จุลาสัย บอกว่าบ้านหลังนี้เป็นตัวตนของเขาอย่างแท้จริง ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นคนที่พยายามเปลี่ยนปัญหาให้เป็นโจทย์แล้วก็แก้โจทย์หรือหาคำตอบให้กับมัน สำหรับคนที่สนใจงานออกแบบสถาปัตยกรรมและติดตามงานของบัณฑิต บ้านหลังนี้อาจไม่มีลักษณะของการ approach งานด้วยการจัดองค์ประกอบทางสถาปัตยกรมเหมือนกับหลายๆ โครงการที่ผ่านมา ที่เขามีอิสระในการคิดแล้วใช้ architectural composition เป็นจุดเริ่มต้นในการคลี่คลายสถาปัตยกรรมในขั้นแนวความคิด แต่ในงานที่มีปัญหาจากข้อจำกัดต่างๆ มากๆ เขาก็มักจะสามารถปรับเปลี่ยนข้อจำกัดเหล่านั้นมาเป็นความคิดทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจได้เหมือนกัน บ้านหลังนี้อาจไม่ใช่บ้านที่สวยงามออกจะเป็นบ้านธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ แต่เป็นบ้านที่มีความคิดน่าสนใจเหมือนเส้นผมบังภูเขาเวลาที่เราเห็นงานที่สถาปนิกเสนอความคิดง่ายๆ แต่ฉลาดหลักแหลม
แนวคิดของบ้านยังทำให้บ้านหลังนี้สามารถใช้เป็นบ้านต้นแบบ (prototype) ซึ่งมีศักยภาพในการพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต เมื่อนั่งอยู่บนระเบียงโล่งบนชั้น 7 ของตัวบ้าน มีความรู้สึกเหมือนกับชานบ้านของไทย บัณฑิตบอกว่าบ้านหลังนี้เหมือน “บ้านไทยทางตั้ง” เมื่อลมเย็นๆ พัดมาทำให้เห็นภาพของการนั่งสนทนาสังสรรค์กันบริเวณนอกชานที่มีใต้ถุนโล่งของบ้านไทย space มีความยืดหยุ่นที่จะปรับเปลี่ยนใช้งานได้ตามความต้องการไม่ว่าสถาปนิกจะตั้งใจไว้แต่แรกหรือไม่ก็ตาม บ้านหลังนี้ได้เสนออีกความคิดหนึ่งซึ่งน่าสนใจของบ้านไทย บ้านซึ่งคนไทยอยู่ ไม่ใช่บ้านทรงไทยราคาแพงระยับซึ่งทำให้ฝรั่งอยู่ หรือบ้านไทยแท้แต่โบราณซึ่งเอาไว้ปรับประยุกต์โชว์หรือส่งเข้าประกวดโครงการเอกลักษณ์ไทย แต่เป็นบ้านที่มีชีวิตมีจิตวิญญาณแบบบ้านไทย แต่ปรับไปตามวิถีของชีวิตและสังคมแบบใหม่ในปัจจุบัน
–
Originally published in art4d No.57 (February, 2000)