THIS EVENT HELD AT LHONG 1919 SEEMS TO BE A GOOD SIGN FOR THAILAND’S ART COMMUNITY AFTER FACING MANY OBSTACLES
TEXT & PHOTO: PRATARN TEERATADA
(For English, press here)
เทศกาลศิลปะในรูปแบบของงานแฟร์หรือตลาดนัดศิลปะเป็นกิจกรรมที่นิยมจัดกันทั่วโลก มีทั้งขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มากๆ อาทิ Art Basel หรือ Frieze Art Fair เป็นต้น ทั้งนี้เพราะงานศิลปะต้องการการจัดการที่เหมาะสมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง งานศิลปะคือการจัดการกับวัตถุดิบหลากหลายประเภทที่ส่งผลต่อความรู้สึก อารมณ์ และสติปัญญา ผ่านกิจกรรมงานสร้างสรรค์ และการแสดงออกมาในฟอร์มที่แตกต่างกันออกไป ในอุตสาหกรรมศิลปะประกอบไปด้วย art gallery, art dealer และ auction house ซึ่งต่างทำหน้าที่เสาะหาผลงานศิลปะที่มีคุณค่าเพื่อนำมาเสนอขายต่อนักลงทุน นักสะสมงานศิลปะ ซึ่งมีทั้งองค์กรธุรกิจ สถาบันต่างๆ พิพิธภัณฑ์ ไปจนถึงบุคคลทั่วไป
สำหรับประเทศไทยนั้นแม้ว่าจะพอมีนักสะสมศิลปะอยู่จำนวนหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นจำนวนที่ควรจะเพิ่มปริมาณได้มากกว่านี้ การจัดงานตลาดนัดศิลปะขนาดย่อมจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยขยายจำนวนนักสะสม ตลอดจนเป็นโอกาสที่ศิลปินจะได้นำเสนอผลงานต่อผู้ชมในวงกว้างออกไป เท่าที่ผ่านมางานที่ดูเข้าตาที่สุดเห็นจะเป็น Hotel Art Fair ของกลุ่ม Farm Group ที่จัดต่อเนื่องมาหลายปี สามารถรวมแกลเลอรี่ที่น่าสนใจหลายแห่งจากทั่วโลกมารวมกัน และล่าสุด Mango Art Festival ที่เพิ่งจัดไปที่ ล้ง 1919 เมื่อวันที่ 3-6 เมษายน ที่ผ่านมานั้นถือว่ามีฝีมือใช้ได้เลยทีเดียวในแง่ของการจัดการ ประกอบกับสถานที่เชิงประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรมเช่นนี้ช่างเหมาะกับงานศิลปะยิ่งนัก คิดว่าที่นี่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปไม่น้อย จึงทำให้สามารถจัดงานศิลปะในพื้นที่ว่างได้เกือบทั้งหมด งานนี้เรียกว่า win win กันทุกฝ่าย
นิทรรศการหลักมี 3 ส่วนคือ งานโซโลของ วิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ ศิลปินที่เปลี่ยนขยะมาเป็นงานแฟชั่นอาร์ต และประติมากรรม วิชชุลดาสร้างชื่อมากมายใน 1-2 ปีที่ผ่านมานี้จากงาน public art และการสื่อสารความคิดในการทำงานศิลปะจากสิ่งของเหลือใช้ให้ออกมาเป็นฟอร์มที่ตื่นตาตื่นใจอย่างต่อเนื่อง อีกสองห้องแบ่งเป็น art กับ design อย่างละห้อง แกลเลอรี่ และผลงานที่เลือกมามีความหลากหลาย แม้อาจจะไม่ครอบคลุมทุกแกลเลอรี่ที่สำคัญแต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าจับตามอง พื้นที่โดยรอบยังมีศิลปินอิสระหลายรุ่นมาจัดแสดงตามห้องต่างๆ (ที่สันนิษฐานว่าผู้เช่าเดิมสู้สถานการณ์ไม่ไหวถอนตัวออกไป)
Mango Art Festival นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับวงการศิลปะที่ควรให้กำลังใจให้จัดกันต่อไป ยิ่งถ้าได้จัดที่ ล้ง 1919 ทุกๆ ปีจะทำให้ติดตลาดง่ายขึ้นโดยเฉพาะเมื่อนักท่องเที่ยวกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ปีหน้าพื้นที่ตรงนี้น่าจะถูกปรับเปลี่ยนเป็นธุรกิจอย่างอื่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจได้มากกว่านี้กระมัง ได้แต่หวังว่าธุรกิจใหม่ที่มาแทนนั้นยังคงเกาะเกี่ยวกับศิลปะเอาไว้ โจทย์นี้ยังคงเป็นเรื่องยากให้นักธุรกิจที่รักศิลปะหากลยุทธ์ที่เหมาะสมกันต่อไป