YAAF Design เป็นสตูดิโอออกแบบภายในสัญชาติไทยที่สนใจด้านการออกแบบพื้นที่ workplace ให้เป็นสเปซที่สนับสนุนคนทำงาน และช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า
TEXT: WARUT DUANGKAEWKART
PHOTO CREDIT AS NOTED
(For English, press here)
YAAF ก่อตั้งขึ้นด้วยความสนใจที่มีร่วมกันในงานออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน ของ ณิชารีย์ พงษ์สมบูรณ์ (เฟย์) และ ปิยณัฐ กิตติวรพงษ์กิจ (ยะ) ที่หากมองจากโครงการมากมายที่ YAAF ออกแบบมานั้น จะมองเห็นถึงงานประเภท workplace ที่ถูกออกแบบมาพิถีพิถัน ที่ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม หากเป็นกระบวนการที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจ สร้างประสบการณ์ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบของพื้นที่ จากออฟฟิศที่เราคุ้นชินให้แตกต่างและมีคุณภาพที่ดีกว่าเดิม
จากช่วงเวลากว่า 5 ปีที่ YAAF ได้พัฒนาและสั่งสมประสบการณ์มานั้น สิ่งที่ YAAF กำลังสร้างอาจจะเป็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่นำไปสู่ความเข้าใจใหม่ๆ ทั้งองค์กร เจ้าของโครงการ ผู้บริหารในหน่วยงานต่างๆ ตลอดจนผู้ที่มีส่วนร่วมในการใช้พื้นที่ ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลออกมาถึงผู้บริโภคอย่างเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
art4d: จุดเริ่มต้นและความเป็นมาของ YAAF
Piyanut Kittivoraphongkij: เราสองคนอยู่ในวงการออกแบบกันมากว่า10 ปีแล้ว ก่อนหน้าที่จะเริ่มต้นก่อตั้ง YAAF เราเองจะได้ทำงานเชิง workplace โดยส่วนใหญ่ รวมถึงโอกาสในการทำงานในประเทศสิงค์โปร์ ที่ทำให้เราเห็นถึง innovative thinking หรือ การ research ที่ไปไกลมากกว่าที่เราเคยเห็น เราจึงสนใจที่จะมาโฟกัสกับสิ่งนี้มากขึ้น ด้วยพื้นที่แบบ co-working space ที่แพร่หลายในปัจจุบัน เริ่มเห็นพฤติกรรมคนที่เปลี่ยนไป จึงทำให้ Workplace Design เริ่มเป็นที่น่าสนใจมากขึ้น ซึ่งนี้งานประเภทมีผลถึงผู้ใช้งานโดยตรง โดยเฉพาะคนเจเนอเรชันใหม่ + เก่า (การปรับตัวเข้าหากัน) ที่พื้นที่นั้นจะช่วยส่งเสริมการทำงานได้อย่างไร ทำงานให้ไวขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ในการทำงานให้ดีขึ้น
Nichary Pongsomboon: พื้นฐานเดิมคือ Interior Design แต่ได้ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ ด้าน Corporate Brand Management และ ด้วยความที่สนใจเรื่อง workplace อยู่แล้ว ซึ่ง workplace เป็นเหมือนหนึ่งใน Core Branding ของบริษัท ที่มากกว่า product ที่มองเห็นในตลาด เป็นการเริ่มต้นในภาพใหญ่ขององค์กร ซึ่งสิ่งที่เรียนมาผสมกับการทำงานก็เข้ามาช่วยได้เยอะมากๆ
art4d: นิยามของ YAAF เป็นอย่างไร?
NP: ‘Workplace Expertise‘ เราทำงานกว่า 95% ในเรื่องนี้ โฟกัสกับงานประเภทนี้จริงๆ ซึ่งเราอยากพัฒนาไปเป็น main player ของสถาปนิกที่ทำงานเรื่องนี้ในระดับนานาชาติ เราไม่ได้ทำเฉพาะ design เท่านั้น มันมีกระบวนการ research สัมภาษณ์คนทำงานในระดับต่างๆ มองถึงการจัดการระดับ management เป็นการทำงานที่ลึกลงไปในรายละเอียดมากขึ้น เป็นงาน design บวกกับ strategy ที่ต้องทำควบคู่กัน
art4d: บอกเล่าถึงภาพรวมองค์กร โครงสร้างทีมต่างๆ และวิธีการทำงานเบื้องต้น
NP: YAAF Group จะมีสองส่วนคือ YAAF Design ซึ่งคุณปิยณัฐ เป็น Creative Director จะคอยดูแล Associate Directors ที่จะแบ่งทีมแยกย่อยออกไป และในส่วนของ YAAF&CO. ที่จะเป็นส่วนของ Construction, Project Management, Financial รวมไปถึงทีม Back of House และนอกจากนี้เรายังมีโรงงานเป็นของตัวเองที่กำลังพัฒนามาไม่นาน เพื่อให้พัฒนาเชิงเทคโนโลยี คุณภาพงาน รวมไปถึงการทำงานร่วมกับทีม design เราอยากให้คนมองว่างานก่อสร้างควรจะมีคุณค่าในตัวเอง และมี special craftmanship knowledge ในงานที่เราทำ
PK: เมื่อเรามีทั้งฝั่ง design และ construction มันทำให้เกิด lesson learn ที่เร็วมาก เพราะสามารถพัฒนารายละเอียดในการทำงานต่างๆ ไปด้วยกัน ทำการทดลองเพื่อเรียนรู้ว่าสิ่งไหนเวิร์คไม่เวิร์ค ทำให้การทำงานมีคุณภาพขึ้นมาก ซึ่งเป็นประโยชน์กับการทำงานของเรา
art4d: ปรัญชาและวิธีคิดในการทำงานออกแบบของ YAAF Design เป็นอย่างไร?
NP: สำหรับ YAAF คือ 3 คำนี้เลย Scrutiny, Interactivity, Distribution ซึ่ง Scrutiny หมายถึงความสงสัยที่เราต้องการจะจับผิด ซึ่งไม่ใช่ในแง่ที่ไม่ดี แต่เราพยายามที่จะเจาะลึกลงไปในความเป็นจริง อย่างเช่นการสัมภาษณ์คนทำงานในแง่มุมต่างๆ ที่เราอยากข้อมูลเชิงลึกจากเขาจริงๆ เพื่อมาใช้ในการสรุปข้อมูลเบื้องต้นว่าโปรเจ็กต์นั้นๆ ต้องการอะไร ซึ่งจะนำมาสู่คำว่า Interactivity ที่เราพยายามที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคน เข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ในสิ่งที่ควรจะเป็น และท้ายที่สุดเกิดเป็น Distribution ที่ออกมาเป็น workplace สำหรับทุกคน ซึ่งหากมองจากผลงานที่ทำมา เราไม่ได้พยายามจะสร้างงานในเชิง conceptual แต่จะเป็นงานที่สร้าง emotional value สำหรับ corporate brand สร้างความรู้สึกลึกๆ ให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สิ่งนี้คือปรัชญาของเรา
PK: เราพยายามเข้าใจในองค์กรก่อน ว่าเขาต้องการอะไร และองค์กรเขาอยู่จุดไหน เพราะสิ่งที่เราทำคือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ที่ไม่ใช้แค่การออกแบบสำนักงาน แต่เป็นการปรับจูนรายละเอียดต่างๆ ในเชิงการบริหารจัดการ เริ่มจากการทำความเข้าใจความต้องการต่างๆ ตามที่เป็นจริง เข้าใจกฎระเบียบต่างๆ ในองค์กร และสร้างสิ่งที่จำเป็นจริงๆ สำหรับพวกเขา
art4d: ในแง่มุมของ Workplace Design การทำงานกับลูกค้าที่หลากหลายมีความน่าสนใจอย่างไร?
PK: เรามองว่าการทำงานกับองค์กรที่หลากหลายมีความน่าสนใจ เพราะแต่ละองค์กร มีความเข้าใจ และ ข้อมูลของแต่ละองค์กรที่ต่างกัน บางที่มีความพร้อม มีชุดข้อมูลของรูปแบบองค์กรที่ชัดเจน บางที่อาจจะมีความต้องการมาบ้าง บางแห่งไม่มี direction เลยว่าต้องการแบบไหน มันทำให้เราต้องเสริมชุดข้อมูลในปริมาณที่แตกต่างกันออกไป มีโปรเจ็กต์หนึ่งที่น่าเล่าคือ Grab ซึ่งเราทำเกือบจะทั้งหมดใน Asia Pacific แล้ว ซึ่งข้อดีของการทำงานแบรนด์เดียวซ้ำๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่เร็วมาก เพราะแต่ละที่จะไม่เหมือนกันเลย มีความต้องการเฉพาะในแต่ละวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
NP: ส่วนมากงานของเราจะมีความสนุก แต่สำหรับบางองค์กรก็จะต้องการ professional look เพื่อให้เข้ากับองค์กรเขามากกว่า
PK: อย่างโปรเจ็กต์ CBRE TH Office (Property Agency) องค์กรที่ช่วยหาพื้นที่ต่างๆ สำหรับองค์กรที่ต้องการพื้นที่ของตัวเอง ซึ่งด้วยความที่เขาทำงานเกี่ยวกับ real estate จึงต้องการความ professional ทำให้การออกแบบและพื้นที่มีความเรียบร้อยมากกว่าโปรเจ็กต์อื่น เสริมด้วยการมี package workplace strategy ที่เน้นทำออฟฟิศนี้ให้เหมือนเป็น pilot project เป็นเหมือนตัวอย่างให้กับลูกค้าที่จะเข้ามา ทำให้ได้เห็นสเปซหลายๆ รูปแบบเป็นตัวอย่าง
NP: ถ้าพูดถึง CBRE TH Office จากเดิมคนในองค์กรนี้จะนั่งทำงานแต่ที่โต๊ะเท่านั้น แต่ ณ ตอนนี้ ออฟฟิศใหม่ที่เราพึ่งทำเสร็จไป คนเริ่มนั่งทำงานตั้งแต่ waiting area, pantry จนถึง informal area ทุกพื้นที่ทำงานได้หมด เราออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับคนต้องการทำงานเงียบๆ มีโซนที่เป็น hot desk สำหรับการนั่งทำงานแบบหมุนเวียน ไม่มีโต๊ะประจำ ซึ่งจะส่งผลถึง policy ในการช่วยกันดูแลพื้นที่ต่างๆ นอกจากนี้โปรเจ็กต์นี้ยังได้ LEED & WELL Certificate ที่เราเน้นเรื่อง Integrated Sustainability ในทุกๆโปรเจ็กต์ ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีในการทำงาน เพื่อยกระดับ workplace ให้มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในทุกรายละเอียด
PK: อีกโปรเจ็กต์หนึ่งอย่าง Thoughtworks TH Office ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความพร้อมมาก มี corporate workplace guideline ที่ค่อนข้างชัดเจน จากเดิมที่มีโต๊ะเรียงกันแบบเก่า พอได้ปรับเปลี่ยน design ให้ออฟฟิศใหม่ บรรยากาศก็ดีขึ้นทันที ตอบโจทย์ผู้ใช้พื้นที่มากๆ ซึ่งถ้าออฟฟิศทั้งฟังก์ชันดีและสวยน่าทำงานด้วยแล้ว คนก็จะอยากทำงานมากขึ้น มีความสุขมากขึ้น ยิ้มมากขึ้น ซึ่งโปรเจ็กต์นี้มี energy เยอะมากๆ สร้าง vibe ที่ทำให้พื้นที่มีชีวิตชีวา
NP: พอเป็นแบบนี้แล้วเขาสามารถทำงานได้ทุกมุม เพราะว่าทุกที่ สวยและน่าทำงานหมด ซึ่งก่อนหน้านี้หลายๆ องค์กรที่มีปัญหาเรื่องคนทำงานต้องการ work from home และหลังจากช่วง COVID คนไม่กลับเข้าออฟฟิศกัน แต่สำหรับ Thoughtworks TH Office พอเปิดออฟฟิศหลัง COVID ทุกคนกลับมาเห็นออฟฟิศใหม่ ทุกคนเข้ามาทำงานกันหมดเลย และรู้สึกอยากมาทำงาน และทุกคนภูมิใจที่ได้มาทำงานในพื้นที่แบบนี้ ซึ่งเป็น feedback ที่ลูกค้าเล่าให้ฟัง และเราดีใจมากๆ ที่ได้ยินเรื่องราวเหล่านี้
art4d: Workplace ที่ควรจะเป็น และเป้าหมายของ YAAF
NP: อยากให้ management ของทุกองค์กรให้ความสำคัญกับ Healthy & Wellbeing Workplace ที่ผลลัพธ์ของการ well-design ส่งไปสู่พนักงาน จะกลับมาสร้าง productivity ให้กับองค์กรอย่างมาก เพราะบางครั้ง management ยังไม่เข้าใจว่าการลงทุนกับ workplace นั้นจะทำรายได้กลับมายังไง เพราะจริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตีออกมาเป็นเงินได้ ซึ่งมันต้องปรับเปลี่ยนทั้งระบบ ตั้งแต่การออกแบบพื้นที่ ปรับ behavior ต่างๆ ในองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานที่เปลี่ยน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สุดท้ายจะกลับมาหาตัวองค์กรเอง ทั้งในแง่ของ Business, Team กับ Individual ที่ดีขึ้น มีทีมในการทำงานที่ดีขึ้น รวมไปถึงตัวบุคคลเองที่สามารถปรับเปลี่ยน perception ให้ทำงานมีประสิทธิภาพ และ มีความสุขมากขึ้นได้อยากให้เขาใส่ใจทีม ใส่ใจคน ธุรกิจเองจะดีขึ้นตาม
PK: เช่นกัน อยากให้ management เข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น ว่าทำแล้วมันดียังไง เพราะทุกอย่างที่เราทำให้ลูกค้า พวกเราก็ทดลองกับออฟฟิศตัวเองทั้งหมด เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง เพื่อให้คนอยากมาทำงาน มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น มีกิจกรรมร่วมกันเยอะขึ้น ซึ่งคิดว่าในอนาคตออฟฟิศจะหน้าตาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ถ้าทุกคนมีความเข้าใจในเรื่อง Workplace Design มากขึ้น ซึ่งเราสองคนเชื่อและสนใจในเรื่องนี้จริงๆ