Photo: Fangfang Tian พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยในประเทศจีน โดย HAS design and research ซึ่งให้ความสำคัญกับการสะท้อนเอกลักษณ์ในท้องที่อย่าง ‘สถาปัตยกรรมพื้นบ้านแนวฮุย (Hui)’
TEXT: NATHATAI TANGCHADAKORN
PHOTO CREDIT AS NOTED
(For English, press here)
ในปัจจุบันนี้มีการถือกำเนิดของพิพิธภัณฑ์และสถานที่ของศิลปะเพิ่มขึ้นมากมาย อาจเพราะเมืองที่แออัดวุ่นวายทำให้เราตระหนักได้ว่าการหวนกลับมาเชื่อมต่อกับสิ่งจรรโลงใจก็เป็นเรื่องที่ไม่เลวนัก ศิลปะเป็นศาสตร์ที่ซับซ้อน ในขณะเดียวกันก็สามารถเพลิดเพลินได้อย่างเรียบง่าย เพียงใช้ตามองดู หูเงี่ยฟัง หรือมือสัมผัส ทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับผู้คน ตั้งแต่พื้นเพดั้งเดิมของพวกเขาไปจนถึงวัฒนธรรมในท้องถิ่นที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
Photo: W Workspace
Photo: Fangfang Tian
Simple Art Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยอีกแห่งที่เพิ่งสร้างแล้วเสร็จในปี 2024 ที่อานฮุย (Anhui) ประเทศจีน โดย Jenchieh Hung + Kulthida Songkittipakdee / HAS design and research ผู้ออกแบบให้ความสำคัญกับการสะท้อนเอกลักษณ์ของบริบทลงในโปรเจกต์นี้ เนื่องจาก Anhui เป็นเมืองเก่าที่มีสไตล์สถาปัตยกรรมเฉพาะตัวอย่าง ‘สถาปัตยกรรมพื้นบ้านแนวฮุย (Hui) หรือฮุยโจว (Huizhou) ซึ่งประกอบด้วยหลังคาจั่วและผนังสีขาวที่เราคุ้นตา ทั้งยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมในจีน เมื่อเมือง Anhui ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัย กุลธิดาและเจอร์รี่จึงมองว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ควรมีโจทย์เป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างศิลปะวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่เฟื่องฟูขึ้นตามความเจริญ กับรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ในพื้นที่
ออปชันต่างๆ แสดงให้เห็นว่า Hung and Songkittipakdee (HAS) เชื่อมโยงสถาปัตยกรรมภายนอกและสเปซภายในได้อย่างไร
พิพิธภัณฑ์ใช้สีขาวโพลนเป็นพื้นหลังทั้งภายนอกและภายในอาคาร เช่นเดียวกับที่เราเห็นในหลายๆ งานของ HAS design and research ที่มักจะเลือกใช้วัสดุหรือพื้นผิวประเภทเดียวเพื่อขับเน้นสารบางอย่าง ซึ่งในที่นี้คือองค์ประกอบของสถาปัตยกรรมฮุยอย่าง ‘หลังคา’ ที่สอดแทรกตัวเข้ามาในรูปแบบของการการลดหลั่นระดับของฝ้าอันเป็นฟอร์มที่ถอดมาจากหลังคาจั่วแบบดั้งเดิม ส่วนนี้เป็นทั้งรูปลักษณ์ของสถาปัตยกรรมที่แสดงออกเพื่อต้อนรับผู้คนที่สัญจรไปมาด้านนอก พร้อมคล้อยไหลเข้ามากำหนดรูปร่างของสเปซจัดแสดงด้านใน
โซน Information & Café | Photo: W Workspace
1st floor plan
สำหรับโปรเจกต์ Simple Art Museum การใช้ผนังโค้งก็เป็นสัญญะซึ่งแสดงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการก่อสร้างในยุคสมัยใหม่ของตัวสถาปนิกเอง ขอบเขตการใช้งานจึงถูกกำหนดโดยการบรรจบกันของเส้นโค้งเส้นแล้วเส้นเล่า ตั้งแต่ชั้นหนึ่งที่ประกอบด้วยส่วนเวิร์กช็อป แกลเลอรีทั้ง 3 โซน ห้องสำหรับจัดแสดงนิทรรศการด้วยสื่อ multimedia รวมถึงคาเฟ่และร้านค้าในพิพิธภัณฑ์
โถงบันไดบนชั้นสองที่ทำหน้าที่เป็นแกลเลอรีศิลปะได้ | Photo: W Workspace
Photo: W Workspace
2nd floor plan
ด้านบนชั้น 2 ของโปรเจกต์ยังคงรับเอาเส้นโค้งขึ้นมาใช้ ทว่าด้วยฟังก์ชันที่เป็นออฟฟิศและห้องประชุมต่างๆ เส้นโค้งที่เคยโลดแล่นเป็นวงก็ถูกลดทอนเหลือเพียงส่วนโค้งไม่มากนัก ก่อนใช้การวางซ้ำเป็นจังหวะเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับรู้ถึงความโค้งในแบบที่แตกต่างออกไป ทั้งยังสอดคล้องกับลักษณะของคลื่นน้ำที่สถาปนิกตั้งใจชักนำบริบทข้างเคียงอย่างแม่น้ำหนานเฟย ซึ่งมีความสำคัญจนได้ชื่อว่า ‘มารดาแห่งนครเหอเฟย’ (เหอเฟยเป็นส่วนหนึ่งของอานฮุย) เข้ามาเป็นองค์ประกอบในอาคารอีกด้วย พร้อมกันนี้ยังใช้เป็นพื้นที่ติดตั้งงานศิลปะเล็กๆ ให้กับเจ้าหน้าที่ที่สัญจรผ่านทางเดินเพื่อเข้าออฟฟิศไปในตัว
Photo: W Workspace
Photo: W Workspace
HAS design and research เชื่อว่าการที่องค์ประกอบเก่าและใหม่ปรากฏอยู่ร่วมกันภายใต้พื้นที่ 1,150 ตารางเมตรของที่นี่อย่างกลมกลืน จะช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงและคิดสร้างสรรค์ให้ผู้ที่เข้ามาใช้งานภายใน ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ผู้ชมงาน หรือแม้แต่คนเมืองทั่วไปในท้องถิ่น พิพิธภัณฑ์จะเปิดรับและดึงดูดคนให้เข้าหาศิลปะและความงาม ค่อยๆ ผสมผสาน ‘ความพิเศษ’ ไว้ในชีวิตประจำวันธรรมดาๆ เหมือนที่ Simple Art Museum หลอมรวมอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกันอย่างแนบเนียน
Video Editor: W Workspace
hasdesignandresearch.com
facebook.com/hasdesignandresearch