VAIR

Benyapa Sirisopon, founder of VAIR interior design studioPhoto: Worapas Dusadeewijai

art4d คุยกับสตูดิโออินทีเรียสัญชาติไทย VAIR ถึงตัวตนของสตูดิโอและความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานทุกชิ้นให้โดดเด่น พร้อมฉีกกรอบด้วยการทดลองวัสดุและดีเทลใหม่ๆ อยู่เสมอ

TEXT: PRATCHAYAPOL LERTWICHA
PHOTO COURTESY OF VAIR EXCEPT AS NOTED

(For English, press here)

ในงานประกวดออกแบบอินทีเรียระดับสากล Restaurant & Bar Design Awards ซึ่งจัดที่ลอนดอนปี 2023 ที่ผ่านมา มีผลงานจากนักออกแบบอินทีเรียจากประเทศไทย ได้รางวัลในหมวด Standalone ด้วย นั่นก็คือ ผลงานออกแบบร้าน FUEGO โดย แอ – เบญญาภา ศิริโสภณ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอออกแบบอินทีเรีย VAIR

VAIR เป็นสตูดิโอที่เปิดมานานมากกว่าสิบปี และคว้ารางวัลระดับนานาชาติมาประดับสตูดิโอมาแล้วมากมาย ความหรูหรา ความวิจิตรตระการตา และความพิถีพิถัน เป็นความรู้สึกแรกๆ ที่มักจะเห็นได้ชัดเจนจากผลงานของ VAIR แต่เบื้องลึกและเบื้องหลังภาพเหล่านั้น คือความตั้งใจของสตูดิโอที่จะรังสรรค์ผลงานทุกชิ้นให้มีความโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง และความมุ่งมั่น สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ทดลองกับวัสดุและดีเทลที่ฉีกออกไปจากกรอบของตัวเอง

นอกเหนือจากองค์ประกอบเหล่านี้แล้ว อะไรคือสิ่งที่ เบญญาภา ศิริโสภณ และทีมงานยึดถือตลอดการทำงาน ภายในบรรยากาศสบายๆ ของพื้นที่ส่วนกลางคอนโดที่ VAIR ออกแบบ เบญญาภามาพูดคุยถึงตัวตน ผลงานและเรื่องราวของสตูดิโอของเธอให้เราฟัง

VAIR interior design studio

เบญญาภา ศิริโสภณ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอออกแบบอินทีเรีย VAIR | Photo: Worapas Dusadeewijai

art4d: คุณคิดว่าอินทีเรียที่ดีต้องเป็นอย่างไร

Benyapa Sirisopon: องค์ประกอบของงานอินทีเรียที่ดีมีเยอะมาก อย่างแรกเราคิดว่า งานอินทีเรียที่ดีต้องตอบโจทย์คนที่อยู่ที่นั่นว่าเขาอยากได้อะไร อย่างที่สองก็คือ คืองานอินทีเรียที่ดีต้องเริ่มจากสเปซ คือสเปซต้องดี แล้วเราค่อยเติมคาแร็กเตอร์และเติมสิ่งที่ลูกค้าชอบลงไป แน่นอนว่าต้องมีมิติของการเลือกใช้วัสดุในแง่ต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราคือ เรามองว่าอินทีเรียที่ดีมันจะต้อง unique มันต้องเป็นสิ่งที่สร้างมาเพื่อสถานที่ตรงนั้น สร้างมาเพื่อคนคนนั้น สร้างมาเพื่อร้านนี้เท่านั้น ที่มันไม่เหมือนใคร

PHORNPRAPHA RESIDENCE, VAIR interior design studio

PHORNPRAPHA RESIDENCE at THONGLOR

art4d: คุณเริ่มมาสนใจงานอินทีเรียได้อย่างไร

BS: เราคิดว่าเราชอบออกแบบอินทีเรียตั้งแต่เด็กๆ เลยนะ ตั้งแต่ยังไม่รู้จักคำว่าอินทีเรียดีไซน์ คือชอบแต่งบ้านมาตั้งแต่เด็กๆ ในหัวก็จะคิดตลอดเวลาว่า เอาเก้าอี้วางตรงนี้ดีไหม ย้ายโต๊ะไปตรงนู้นดีไหม หรือว่าชอบไปเที่ยวตามหมู่บ้านสวยๆ โรงแรมสวยๆ

คุณแม่เราทำอาชีพตัดชุดเจ้าสาว เราก็จะคุ้นเคยอยู่กับความสวยความงาม ส่วนคุณพ่อก็ออกแบบบ้านเอง เพราะฉะนั้นแล้วบ้านที่เราอยู่ตั้งแต่เด็กก็คือ ฝ้าเพดานบ้านสีเหลือง บันไดสีแดง พื้นสีแดงขัดมัน คุณพ่อมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัว คิดว่ามีส่วนหล่อหลอมเรามาแน่ๆ แล้วเราก็เลือกเรียนภาควิชาออกแบบอุตสาหกรรม (Industrial Design – ID) ที่คณะสถาปัตย์ฯ จุฬาฯ พอจบแล้วก็ทํางานที่บริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่มีสาขาอยู่ในหลายประเทศ ประมาณแปดปี แล้วก็ออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง ซึ่งตอนนี้มีอายุได้สิบปีแล้ว

art4d: คุณเรียนออกแบบอุตสาหกรรมมา แล้วคุณหันเหมาทำงานอินทีเรียได้อย่างไร

BS: ภาค ID ตอนนั้น เรียนตั้งแต่ออกแบบอินทีเรีย เรียนกราฟิก มาร์เก็ตติ้ง สิ่งทอ สมัยเรียนเราคิดว่าเราทำผลงานอินทีเรียได้ดี รางวัลที่เราได้สมัยเรียนก็ได้จากงานอินทีเรียเป็นหลัก หลักสูตรของภาค ID ตอนนั้นสอนให้เรามองได้รอบด้าน คือหมายความว่าเราสามารถออกแบบเคาน์เตอร์ให้โดดเด่นออกมาด้วยวิธีคิดแบบโปรดักต์ดีไซน์ แล้วก็สอนเน้นเกี่ยวกับมาร์เก็ตติ้ง เกี่ยวกับแบรนด์ดิ้ง ซึ่งเป็นพื้นฐานให้เวลาเราทํางานให้ developer หรือออกแบบบ้าน หรือร้านต่างๆ เราสามารถดึงเอาคาแร็กเตอร์ของลูกค้ามาผสมผสานในผลงานได้ ทำให้มันเป็นเรื่องเดียวกันที่แข็งแรง

Benyapa Sirisopon, founder of VAIR interior design studio

Photo: Worapas Dusadeewijai

art4d: ทำไมถึงลุกขึ้นมาเปิดออฟฟิศของตัวเอง และในชื่อว่า VAIR

BS: คือมันมีหลายเหตุผลมากเลย เราทํางานอยู่ที่บริษัทเดิมเป็นเวลาแปดปี ก็แฮปปี้กับที่นั่นนะ คุ้นเคยมากเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง แต่เราก็อยากจะออกจากตรงนั้นมาทำอะไรของตัวเองบ้าง ประกอบกับว่าตอนนั้นจะทําบ้านของตัวเอง ก็เลยออกมาออกแบบบ้านตัวเองจะได้ทุ่มเทเวลากับมัน แต่ปรากฏว่าพอออกมาก็มีลูกค้าให้โอกาส คือมี developer ให้โอกาสเราออกแบบห้องตัวอย่างเล็กๆ เราก็ทําสุดฝีมือเลย และผลงานออกมามี feedback จากลูกค้าดี ก็เลยทําให้เราได้งานอื่นๆ ตามมาเรื่อยๆ ส่วนชื่อ VAIR ตอนที่ตั้งชื่อ เรารู้สึกว่าเราอยากได้คําคำหนึ่งที่ไม่เหมือนใคร เอาไว้เรียกสไตล์อินทีเรียของเราเอง

art4d: นิยามแนวทางดีไซน์ของ VAIR ไว้ว่าเป็นอย่างไร

BS: เราคิดว่าผลงานของเราเป็นการผสมผสานระหว่างความ artistic, natural กับความ futuristic ก็คืองานอินทีเรียแต่ละชิ้นจะมีความโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง ผสมผสานลวดลายเส้นสายธรรมชาติ และการทดลองกับวัสดุหรือดีเทลใหม่ๆ

แต่ในการทำงาน เราจะพยายามดึงคาแร็กเตอร์ของลูกค้ามาผสมผสานด้วย สมมุติว่าทำบ้านเดี่ยว เราจะเริ่มจากการศึกษาเจ้าของบ้านว่าเขามีไลฟ์สไตล์เป็นยังไง คาแร็กเตอร์เป็นยังไง เพราะฉะนั้นบ้านแต่ละหลังที่เราทำก็จะต่างกันทุกหลังเลย เพราะว่าดึงมาจากความชอบและตัวตนเจ้าของบ้าน ถ้าเป็นงาน developer เราก็จะอิงจากคอนเซ็ปต์ของเขาในแต่ละโครงการเป็นหลัก

THE HYPE SKYLOUNGE, VAIR

THE HYPE SKYLOUNGE

art4d: ปกติคุณมักจะทำโปรเจ็กต์ประเภทไหน

BS: ส่วนใหญ่จะถนัดทำงาน residential ออกแบบ lobby space แล้วก็ทำ restaurant แต่ว่างานอย่างอื่นเราก็ไม่ปิดกั้นนะ อย่างเช่น งาน retail เราก็ทำด้วย

art4d: อยากให้คุณเล่าถึงผลงานที่ชอบและแสดงความเป็นตัวคุณเองให้เราฟังหน่อย

BS: เราชอบทุกผลงานเลย แต่ถ้าให้เลือก ชิ้นแรกคือร้านอาหาร FUEGO ซึ่งอันนี้ได้รางวัล Winner Category ASIA Stanalone จาก Restaurant & Bar Design Awards มา ร้านชื่อ FUEGO แปลว่า ‘ไฟ’ ในภาษาสเปน ร้านนี้เป็นร้านอาหารสเปนบวกญี่ปุ่น ก็คือเป็นอาหารที่ผสมผสานระหว่างสองชาติ แต่เราไม่ได้เลือกออกแบบร้านให้เป็นอินทีเรียแบบสเปน หรือแบบญี่ปุ่น แต่อยากออกแบบจากคาแร็กเตอร์ของอาหารจริงๆ อาหารของเขาทำจากวัตถุดิบสดๆ เช่น ปลาดิบ เราเลยเลือกใช้ไม้ที่โชว์พื้นผิว โชว์ความเป็นเป็นสัจจะวัสดุ มาเรียงในลักษณะเหมือนเปลวเพลิง ตรงกระเบื้องสีดำก็ให้ศิลปินออกแบบลวดลายเป็นเขม่าควัน สีกระเบื้องเป็นเหมือนสีควันเผาอาหาร ส่วนที่นั่งเราทำเป็นบาร์นั่งล้อมวง เป็นตัวแทนการกินอาหารสไตล์สเปน

FUEGO, VAIR

FUEGO

FUEGO, VAIR

FUEGO

อีกชิ้นหนึ่งคือห้องเก็บนาฬิกากลไก FONTAINE AUX OISEAUX AUTOMATION’ IN HIMAPHAN FOREST ของ Van Cleef & Arpels ด้วยคาแร็กเตอร์ของนาฬิกาที่มีนกสองตัวเกาะบนแอ่งน้ำ เราเลยทำห้องให้เหมือนเข้าไปอยู่ในป่าหิมพานต์ สร้างบรรยากาศอย่างละเอียดตั้งแต่การเลือกสี เลือก pattern เลือกแบบพรม ส่วนบนฝ้าเพดานใช้วัสดุเป็นผ้าผสมลวด สร้างลวดลายให้ขดได้แล้วทำสีเทอร์คอยซ์ผสมน้ำเงิน สร้างให้มันดูมีความเหนือจินตนาการมากๆ

Fontaine aux Oiseaux automaton by VAIRFUEGO by VAIR
Fontaine aux Oiseaux automaton by VAIR interior design studio

FONTAINE AUX OISEAUX AUTOMATION in HIMAPHAN FOREST

art4d: แล้วคุณหาสมดุลระหว่างการรักษาแนวทางของตัวเอง กับการตอบความต้องการของลูกค้าอย่างไร

BS: เราคิดว่าประสบการณ์และผลงานที่เราสั่งสมมา มันค่อยๆ สร้างผลงานที่เป็นลักษณะเฉพาะ เป็น signature ของเราขึ้นมา เรามองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาก็จะชอบงานของเราเป็นต้นทุนอยู่แล้ว หน้าที่ของเราคือการผนวกเอาคาแร็กเตอร์ของเขา ความชอบลึกๆ ของเขามาผสมผสาน สร้างให้มันเกิดสิ่งใหม่ ซึ่งเราคิดว่ามันเป็นแนวทางที่จะทำให้เกิดงานที่ unique ขึ้นมาได้

ตรงนี้คือหัวใจสำคัญเลย เพราะจริงๆแล้วเราก็สามารถเดินตามแนวทางเดิมของโปรเจ็กต์ที่ประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ ก็ได้ ซึ่งเราไม่อยากทำอย่างนั้น เพราะว่างานชิ้นนึงมันใช้เวลานาน ตั้งแต่เริ่มคุยกันจนถึงสร้างเสร็จ ซึ่งมันคือเวลาของชีวิตเรานะ เราก็เลยอยากให้งานแต่ละชิ้นมันออกมาดีและโดดเด่นในตัวมันเอง

VAIR interior design studioVAIR interior design studio
VAIR interior design studio

RHYTHM ESTATE

VAIR interior design studio

RHYTHM ESTATE

art4d: สิ่งที่คิดว่าท้าทายที่สุดในการทำงานออกแบบคืออะไร

BS: ความกดดันที่เราจะไม่ลดคุณภาพของงานเราเอง คือสิ่งที่ท้าทายมาก เราคิดว่าเป็นปกติของดีไซเนอร์ทุกคนที่พองานหนึ่งมันดี งานต่อไปมันเหมือนเราจะต้องรักษามาตรฐานนั้นไว้ให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถของเรามากๆ

art4d: มองภาพในอนาคตของ VAIR ไว้อย่างไรบ้าง

BS: อยากให้คนรู้จัก VAIR มากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้เขาเห็นภาพอินทีเรียในสไตล์ที่เป็นเราเมื่อได้ยินชื่อ VAIR อีกอย่างคือเรื่องของทีม เรามี mindset ว่าอยากให้คนที่มาอยู่ในทีมที่เราเรียกว่า House of VAIR เข้ามาทำงานแล้วรู้สึกเป็นเหมือนบ้าน รู้สึกมีความสุขที่จะทำงาน สร้างงานศิลปะในรูปแบบอินทีเรียไปด้วยกันเรื่อยๆ ให้คนจดจํา และชื่นชมในผลงานต่อไปนานๆ

Benyapa Sirisopon, founder of VAIR interior design studio

Photo: Worapas Dusadeewijai

vairdesign.com
facebook.com/Vairdesign
instagram.com/vair.interior

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *