LET US INTRODUCE YOU DYSON V11™, THE RECENT CORDLESS VACUUM FROM DYSON THAT DOES NOT ONLY PROVIDE USERS THE CUTTING-EDGE TECHNOLOGY BUT ALSO THE NEW EXPERIENCE OF DOING CHORES
TEXT: NAPAT CHARITBUTRA
PHOTO COURTESY OF DYSON EXCEPT AS NOTED
(For English, please scroll down)
ช่วงกลางปีที่ผ่านมา Dyson เปิดตัว Dyson V11™ ผลิตภัณฑ์เครื่องดูดฝุ่นไร้สายรุ่นใหม่ออกมาสู่ตลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวเครื่องถูกรีดีไซน์ใหม่ให้เรียบง่ายขึ้นโดยรวบฟังก์ชั่นต่างๆ มาอยู่ในปุ่มๆ เดียวที่ท้ายเครื่อง พร้อมด้วยหน้าจอ LED ที่แสดงสถานะการทำงานและระยะเวลาการใช้งานคงเหลือแบบเรียลไทม์ ในแง่ของประสิทธิภาพ Dyson V11™ มีแรงดูดที่มากกว่า Cyclone V10™ ถึง 20% สามารถดักจับอนุภาคขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% โดยการชาร์จไฟหนึ่งครั้งสามารถใช้งานได้สูงสุดถึง 60 นาที
ทุกคนชอบโปรดักท์ของ Dyson เพราะหน้าตาภายนอกของโปรดักท์ที่โดดเด่นกว่าแบรนด์อื่นๆ อย่างไรก็ตาม หลังจาก art4d ได้มีโอกาสพูดคุยกับบุคลากรจาก Dyson หลายๆ คน เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างการไปเยี่ยมชมฐานการผลิตของ Dyson ที่ประเทศสิงคโปร์ ความจริงที่พบคือพวกเขาไม่ได้โฟกัสที่การออกแบบรูปร่างภายนอกเลยแม้แต่น้อย
เราอาจแบ่งเทคโนโลยีใหม่ใน Dyson V11™ ได้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ อย่างแรกคือ เซ็นเซอร์ Dynamic Load Sensor (DLS) ที่ถูกติดตั้งเข้าไปในหัวแปรง Hight Torqure ซึ่งทำให้หัวแปรงที่ว่านี้สามารถและปรับลด / เพิ่ม รอบการหมุนของหัวแปรงไปตามสภาพพื้นผิวในขณะนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็คือ หัวแปรงที่ว่านี้สามารถตรวจจับลักษณะของพื้นผิวได้ ว่าเป็นผิวพรม ผ้า ไม้ ปูน ฯลฯ ซึ่งมันสามารถเร่งระดับแรงบิดไปได้ถึง 360 รอบ ต่อวินาที และยังทำงานร่วมกับดิจิตอลมอเตอร์หลักของเครื่อง เมื่อเราปรับไปที่โหมด Auto คอมพิวเตอร์จะคำนวณและปรับรอบการหมุนของมอเตอร์ให้เข้ากับสภาพการใช้งานขณะนั้น
ถัดมาคือดิจิตอลมอเตอร์ที่ Dyson พัฒนาไปจนถึงจุดที่มอเตอร์ขนาดเล็กกว่ากำปั้นตัวนี้ มีรอบการหมุนถึง 125,000 ต่อนาที กับดิจิตอลมอเตอร์ V11 นี้ พวกเขาออกแบบโครงสร้างใบพัดใหม่หมด โดยเปลี่ยนมาใช้ใบพัดรูปทรงคล้ายกับตัว S ให้ไม่เกิดช่องว่างระหว่างใบพัดกับบอดี้มอเตอร์เพื่อลดการรั่วไหลของอากาศ นอกจากนั้นยังมีการใช้ตัวกระจายลมถึงสามจุดในการควบคุมให้อากาศไหลอย่างเป็นระเบียบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ดีขึ้น และลดเสียงที่ดังรบกวนระหว่างการใช้งานอีกด้วย
Photo: Napat Charitbutraยังมีรายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับดิจิตอลมอเตอร์ที่เป็นเหมือนกับหัวใจของผลิตภัณฑ์หลายๆ ผลิตภัณฑ์ของ Dyson ที่ไม่ได้กล่าวถึงในที่นี้ เบื้องหลังความแม่นยำในระดับมิลลิเมตร (อาจจะละเอียดกว่าด้วยซ้ำ) ของการประกอบดิจิตอลมอเตอร์นั้นคือการผลิตด้วยหุ่นยนต์ 100% ภายใต้การควบคุมอย่างใกล้ชิดของวิศวกร
วิศวกรของ Dyson บอกกับ art4d ว่าสำหรับพวกเขานั้น การออกแบบคือการแก้ไขปัญหาล้วนๆ ส่วนถ้าใครสงสัยว่าแล้วที่มาของสีสันต่างๆ บนเครื่องนั้นมันไม่เกี่ยวข้องกับความงามได้อย่างไร? พวกเขาตอบข้อสงสัยในข้อนี้ว่า “การตัดสินใจใช้สีกับชิ้นส่วนต่างๆ ของ Dyson V11™ ยืนอยู่บนเหตุผลด้านการใช้งาน คุณจะเห็นว่าเราใช้สีแดงกับบริเวณข้อต่อต่างๆ หรือตามจุดที่มีการ interact กับผู้ใช้งาน สีสำหรับเรานั้น ป็นเรื่องของการใช้ “ภาษา” กลางที่ใครๆ ก็เข้าใจได้ทันที เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ใช้งาน Dyson V11™ ที่ดีที่สุด” ต้องรอดูว่าในปีถัดๆ ไป Dyson จะมีเทคโนโลยีอะไรออกมาทำให้เราตื่นเต้นกันอีก แต่ที่แน่ๆ ก็คือ ก้าวต่อไปของการพัฒนาดิจิตอลมอเตอร์ และแบตเตอรี่ของ Dyson นั้นคือการขยับไปทำงานในสเกลที่ใหญ่ขึ้นอย่างการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า BEV ที่จะเปิดตัวในปี 2564 นี้
Around mid 2019, Dyson launched Dyson V11™, the brand’s new cordless vacuum cleaner, to the market. The redesigned model is simplified with different functionalities which are all included in one command button. The LED screen displays the battery life, cleaning modes, and the remaining cleaning time available in real time. Efficiency wise, Dyson V11™ offers 20% more stronger suction power in comparison to Cyclone V10™with a filtration system that captures more than 99.97% of particles as small as 0.3 microns. On full charge, the V11’s battery can last up to 60 minutes.
The beautiful design is one of the reasons why consumers prefer Dyson’s products over other brands. Nevertheless, having spoken to a number of personnels from Dyson earlier in May 2019 during a visit to the brand’s manufacturing base in Singapore, art4d surprisingly discovered that physical appearances is the what they focus on the least.
We may be able to divide Dyson V11™’s new technologies into two major parts. The first is the built-in Dynamic Load Sensor (DLS) inside the machine’s Hight Torqure cleaning head, which can detect differences in floor surfaces and automatically change the suction power accordingly. For instance, if the cleaner identifies a surface as a carpet, fabric, concrete, etc., it will be able to increase the rotation power to 360 rounds per second while working with the main digital motor when switching to the Auto mode, which then enables the computer to calculate and adjust the motor’s rotation according to the current usage required.
The next part is the motor, which is Dyson’s development that has resulted in the size that is almost the same as a human fist, offering torque power as fast as 125,000 rounds per minutes. With the V11 Digital Motor, Dyson redesigned the entire fan structure. The new fan comes in an S-shaped form, which eliminates the space between the body and motor, causing air leakage to be efficiently reduced. In addition, the use of three air distributors results in an effective and organized airflow, consequentially enhancing the vacuum cleaner’s efficiency and minimizing the disturbing noises while it is being operated.
There are also many other details about the brand’s digital motor, the invention which has been the heart of several of Dyson’s products that this article does not elaborate on, such as the precision in the millimeter level (or greater) of the motor which was assembled 100% by robots with close supervision from Dyson’s in-house engineers.
Dyson’s engineering team told art4d that, to them, design is entirely about finding solutions. As to the question about the aesthetic references regarding the colorful design of the brand’s vacuum cleaner, “The use of colors for different parts of Dyson V11™ is based on functionality. You can see that red is used with the joints or the parts that have direct interaction with users. For us, the use of color is about utilizing the universal language that everyone can easily understand in order for users to have the best experience with Dyson V11™.” It remains to be seen what new technologies Dyson will bring in the following years to come, but one thing is for certain, the next step of the brand’s development of a digital motor and battery is aimed at projects with a bigger scale such as the development of the BEV electrical car that is expected to launch in 2021.