THAPRA PALACE LIBRARY, SILPAKORN UNIVERSITY

หลังจากเป็นไซต์ก่อสร้างอยู่ 6 ปี หอสมุดวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากรก็ได้เปิดตัว พร้อมแสดงให้เห็นถึงแนวคิดในการออกแบบนั่นคือ ความ ‘ไร้พรมแดน’ หรือการเชื่อมต่อพื้นที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัยเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างพื้นที่แห่งความคิดสร้างสรรค์และตอบโจทย์ชีวิตของนักศึกษา

TEXT: NAPAT CHARITBUTRA
PHOTO: KETSIREE WONGWAN EXCEPT AS NOTED

(For English, press here

มีวันนึงพี่เมธา บุนนาค กลับมามหาวิทยาลัยศิลปากรแล้วพูดว่าเราเรียกที่นี่ว่ามหาลัยแห่งการสร้างสรรค์ แต่สภาพแวดล้อมของมหาลัยไม่มีอะไร inspire คนให้ทำศิลปะเลยต่อมาในปี .. 2557 มหาวิทยาลัยศิลปากรก็ได้งบประมาณมาปรับปรุงวังท่าพระใหม่หมด และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของหอสมุดวังท่าพระ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ นันทพล จั่นเงิน อาจารย์จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศิลปากรเป็นหัวหน้าทีมออกแบบ

Thapra Palace Library, Silpakorn University (Before renovation) | Photo courtesy of Silpakorn University Central Library

Thapra Palace Library, Silpakorn University (Before renovation) | Photo courtesy of Silpakorn University Central Library

มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ กลับมาเป็นพื้นที่ใช้เรียนหนังสือได้อีกครั้ง (หลังจากกลายเป็นไซต์ก่อสร้างไป 6 ปี) วันนี้ ถ้าไม่มีโรคระบาด COVID-19 เราคงจะได้เห็นนักศึกษาเข้าไปใช้พื้นที่ที่ออกแบบใหม่หมดตามจุดต่างๆ ของวิทยาเขต ใช้พื้นที่อาคารหอประชุมเดิมที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็น auditorium hall เพื่อรองรับการแสดงดนตรีจากคณะดุริยางคศาสตร์ ได้เล่นบาสบนลานกีฬาที่ไม่มีรถจอดแล้ว หรือจับกลุ่มคุยกันในสวนแก้ว ทำกิจกรรมในมหาลัยจนถึงดึกดื่น หรือเข้าไปใช้ facility ของแต่ละคณะที่ปรับปรุงใหม่หมด

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

ประเด็นที่อยู่ในความสนใจของ ผศ.นันทพล ระหว่างการออกแบบครั้งนี้ คือความสัมพันธ์ระหว่างแต่ละพื้นที่ในมหาวิทยาลัยและระหว่างบริเวณโดยรอบเราไม่ได้มองอาคารแต่เรามองชีวิตที่อยู่ตรง open space คาแร็คเตอร์ของศิลปากรคือเรามีที่แค่ 9 ไร่ แต่ถ้าสแกนให้ดี เราจะเห็นพื้นที่เปิดโล่งย่อยๆ กระจายอยู่เต็มไปหมด ตรงนั้นแหละคือพื้นที่ที่นักศึกษาใช้ชีวิตและด้วยพื้นที่ที่ไม่มากของวิทยาเขต ระยะการเดินของนักศึกษาจึงแผ่ขยายออกไปยังพื้นที่รอบๆ ด้วยผมเคยเรียนที่นี่ สมัยก่อน ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจผมจะเข้าไปเดินในวัดพระแก้วตอนเช้าๆ โรงอาหารของเราไม่ใหญ่ก็จริง แต่เรามีท่าช้าง ท่าพระจันทร์ เรามีสนามหลวง มีแม่น้ำเจ้าพระยา เราแวดล้อมไปด้วยประวัติศาสตร์

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

สิ่งเหล่านี้นำมาสู่แนวคิดหลักของการออกแบบหอสมุดฯ ที่ ผศ. นันทพล บอกกับ art4d ว่าBorderlessหรือความไร้พรมแดนคือคีย์เวิร์ดสำคัญ และเขาทลายพรมแดนดังกล่าวด้วยการสร้างความเชื่อมต่อขึ้นมาใหม่หลายจุด เช่น พื้นที่กิจกรรมตรงข้ามหอสมุด (แต่เดิมคือห้องน้ำและลานจอดรถ) ซึ่งทำให้เกิดความต่อเนื่องของกิจกรรมในสวนแก้ว ไหลมาจนถึงบันไดทางเข้าหอสมุดฯ ที่ถูกปรับให้แผ่ขยายไปรอบทิศทาง และเข้ามาบริเวณภายในหอสมุดฯ การเจาะหน้าต่างเปิดมุมมองออกไปยังท่าช้าง รวมถึงการจัดการการเชื่อมต่อของพื้นที่ภายในตัวห้องสมุดเองใหม่ หรือพูดอีกอย่างก็คือการทลายกำแพงความเป็นห้องทิ้งไป พร้อมกับการจัดสรรที่นั่งอ่านหนังสือที่นักศึกษาบอกอยู่เสมอว่ามีไม่เพียงพอ

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

แต่การขยับขยายพื้นที่นั้นไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะกับอาคารประวัติศาสตร์ ที่แต่ละคนมักจะมีความรู้สึกเป็นเจ้าของ ผศ.นันทพลใช้เวลาพักใหญ่สร้างความเข้าใจกับผู้คน โดยเฉพาะเมื่อเขาจะย้ายห้องสมุดศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล เพื่อทุบส่วนต่อเติมบริเวณด้านหน้าซึ่งประชิดกับซุ้มประตูวังท่าพระที่ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ที่มีปัญหาน้ำรั่วและมีสถิติจำนวนผู้ใช้งานค่อนข้างน้อย (ประเด็นนี้คลี่คลาย เมื่อผู้ออกแบบตัดสินใจบินไปเชียงใหม่เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้ช่วยศาสตราจารย์สุริยา รัตนพฤกษ์ ผู้ออกแบบหอสมุดฯ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี .. 2518 อาจารย์สุริยาเห็นด้วยกับการทุบ) และพูดคุยกับบุคลากรของมหาวิทยาลัยหลายๆ ภาคส่วนทั้งสำนักหอสมุดและสำนักงานอธิการบดี ท้ายที่สุด เป็นเรื่องน่ายินดีที่ทุกท่านยินดีที่จะเสียสละพื้นที่บางส่วนของตัวเองให้กับนักศึกษา

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

เรากำจัดท่อแอร์ที่พันกันยุ่งเหยิงบนเพดานที่ก็ต่ำอยู่แล้วออกไป ทำให้สเปซดูกว้างขึ้นด้วยการใช้สีดำกับเพดาน และค่อยๆ จัดระเบียบพื้นที่ภายในใหม่โดยเริ่มจากการสำรวจโครงสร้างเดิมที่อาจารย์สุริยาออกแบบไว้การสร้างภาพสามมิติโครงสร้างเดิม ทำให้ ผศ. นันทพล เจอกริดเดิมของอาคารเราเริ่มเห็นความเป็นไปได้ที่จะตัดคานออกไป 1 ช่วงบริเวณห้องเก็บวิทยานิพนธ์เดิม เพื่อเจาะทะลุเพดาน 2 ชั้น และแทรกบันไดวนขึ้นไปเชื่อมกับห้องโสตทัศนศึกษาชั้น 3 บนตึกสำนักงานอธิการบดี ซึ่งมันควรจะเชื่อมถึงกันตั้งนานแล้วโดยเมื่อก่อนหากจะเดินทางไปยังห้องโสตฯ นักศึกษาจะต้องเดินออกทางประตูหน้าหอสมุดฯ แล้วเดินอ้อมไปข้างหลัง เข้าไปในตึกสำนักงานอธิการบดี แล้วขึ้นลิฟต์สีแดงตัวเก่าในสำนักงานอธิการกว่าจะถึง

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

กลายเป็นว่าหอสมุดวังท่าพระมีห้องโถงเพดานสูงๆ กับเขาบ้างแล้ว ทางลงชั้นใต้ดินเช่นกัน มันถูกเปลี่ยนจากบันไดเล็กๆ  เป็น step seat ขนาดใหญ่ ที่ทั้งเพิ่มจำนวนที่นั่ง (บนพื้น) และเปิดโอกาสให้กิจกรรมเกิดขึ้นในห้องสมุดในอนาคตได้สบายๆ ส่วนคำถามว่า แล้วหนังสือในห้องสมุดลดลงบ้างไหม? จำนวนหนังสือเดิมประมาณ 117,000 เล่ม ลดลงเหลือประมาณ 90,000 เล่ม ส่วนที่หายไปคือวิทยานิพนธ์ที่ถูกเปลี่ยนไปจัดเก็บในรูปแบบดิจิตอล และหนังสือบางส่วนที่มีสถิติการใช้ต่ำจะถูกนำไปเก็บในคลังหนังสือเราชดเชยพื้นที่ที่เสียไปด้วยการยืดความสูงของชั้นหนังสือชั้นใต้ดินขึ้นไปถึงสุดความสูงของเพดานชั้นใต้ดิน เหนือสิ่งอื่นใดเรายังสามารถเข้าถึงข้อมูล หนังสือ หรือองค์ความรู้ที่มีอยู่ได้ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจัดการทรัพยากรที่เป็นระบบ” 

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

CLICK IMAGE TO VIEW IN FULL SIZE

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

การปรับปรุงครั้งนี้ทำให้พื้นที่หอสมุดฯ ชั้นหนึ่ง ชั้นใต้ดิน และชั้น 3 (ห้องโสตฯ) ไหลเวียนเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ลิฟต์ตัวใหม่ถูกแทรกเข้าไปแทนที่ลิฟต์ขนหนังสือเป็นทางลัดจากชั้นเก็บหนังสือใต้ดินไปสู่โซนนั่งอ่านหนังสือ / โซนคอมพิวเตอร์บนชั้น 3 และออฟฟิศสำนักงานหอสมุดฯ บนชั้น 4 ฟังก์ชั่นใหม่ๆ ถูกเพิ่มเข้าไป เช่น ห้อง mini theater จำนวน 24 ที่นั่ง หรือห้องสมุดภาพผลงานศิลปะและผลงานสร้างสรรค์ที่เป็นเหมือนแกลเลอรี่โชว์งานศิลปะของนักศึกษาและอาจารย์แต่สามารถยืมกลับบ้านไปได้

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

การเปลี่ยนแปลงอีกส่วนหนึ่งที่พูดถึงคีย์เวิร์ด “Borderless” ได้ชัดคือ ห้องสมุดศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล ที่ถูกย้ายมาอยู่ที่บริเวณใจกลางหอสมุดฯ ที่มีคนพลุกพล่านมากที่สุด ซึ่งอันที่จริงใช้คำว่าย้ายก็ไม่ถูกนัก เพราะตอนนี้ ห้องสมุดศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล ไม่ได้มีลักษณะเป็นห้องในความหมายเดิมๆ อีกต่อไป แต่รวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโถงกลางไปเรียบร้อยแล้ว ผศ.นันทพล นำคอลเล็คชั่นหนังสือหายากด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลป์ออกมาวางโชว์ตรงจุดไฮไลท์ของห้องสมุดที่มีคนสัญจรมากที่สุด

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

ผมต้องการทลายกำแพงเดิมๆ ที่กั้นขวางการเข้าถึงความรู้ออกไปให้หมด ให้นักศึกษาเข้าถึงข้อมูลได้โดยตรง ตัดพวกขั้นตอนการเข้าถึงที่ยุ่งยากออกไป ไม่เอาแล้ว เมื่อก่อนผมไม่รู้ จนเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการหอสมุดกลาง ถึงรู้ว่าในหอสมุดเรามีหนังสือหายาก มีเอกสารสำคัญเต็มไปหมด แล้วทำไมเราถึงต้องเอาสมบัติพวกนี้ไปซ่อนล่ะ?” ผศ.นันทพล ยังเสริมว่า เขาตั้งใจออกแบบให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่นิทรรศการหมุนเวียน นอกจากนี้ ถัดขึ้นไปบนระเบียงทางเดินบันไดวนยังมีคอลเล็คชั่นหนังสือพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  และหนังสือชุดประทานจาก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร  ทั้งหมดนี้ถูกเน้นด้วยงานไลท์ติ้ง ที่ทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นโดยรวมมีความเป็น monumental space “โดยรวมผมพอใจกับผลลัพธ์นะครับ วันที่แขกผู้ใหญ่และทายาทของท่านสุภัทรดิศมาเยี่ยมชม ทุกคนก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับความคิดนี้ และดีใจที่มรดกของท่านสุภัทรดิศจะถูกเปิดอ่านมากกว่าแต่ก่อนผศ.นันทพล กล่าว

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

นอกจากการปรับปรุงเพื่อให้ห้องสมุดที่สร้างมา 50 ปี ตามทันพฤติกรรมของผู้ใช้งานห้องสมุดในปัจจุบัน อีกประเด็นที่เห็นได้ครั้งนี้คงเป็นเรื่องของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคมโลกเดินมาไกลจนเข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่า การเก็บรักษาองค์ความรู้ไม่ใช่แค่การเก็บให้ดีที่สุด แต่คือการเผยแพร่ให้มันยังคงโลดแล่นอยู่ในความสนใจของคน เราตั้งตารอวันที่หนังสือและข้อมูลทางด้านศิลปะและโบราณคดีเหล่านั้นถูกอ่านโดยสายตาของนักศึกษาหลากหลายสาขา และถูกนำไปต่อยอดเป็นงานสร้างสรรค์ในอนาคต สุดท้ายนี้ เราขอแสดงความยินดีกับบุคลากรและนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากรรุ่นต่อๆ ไปมา ที่นี้ด้วย

Thapra Palace Library, Silpakorn University (Before renovation) | Photo courtesy of Silpakorn University Central Library

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

Thapra Palace Library, Silpakorn University (After renovation)

plan.lib.su.ac.th/Virtual/Thapra_Library
facebook.com/SUlibrary

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *