SEE JORAKAY

สีสันในงานออกแบบนั้นสำคัญอย่างไร? ร่วมหาคำตอบกันในบทสนทนาระหว่าง art4d และ เฌอ-ชินธร อรรถสารประสิทธิ์ ในฐานะหัวเรือของแบรนด์สีทาภายใน-ภายนอกอาคารอย่าง SEE Jorakay พร้อมเจาะลึกบทบาทอีกด้านในฐานะดีไซเนอร์ที่สนุกกับการหยิบจับสิ่งรอบตัวมาออกแบบ

TEXT: PICHAPOHN SINGNIMITTRAKUL
PHOTO COURTESY OF SEE JORAKAY

(For English, press here

หากพูดถึงนวัตกรรมปูกระเบื้องแบรนด์สัญชาติไทยในวงสนทนาสถาปัตยกรรมและการก่อสร้าง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแบรนด์ “จระเข้” จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ถูกเอ่ยถึงเป็นอันดับต้นๆ ในวงสนทนานั้นอยู่เสมอ เพราะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตคนไทยที่อยู่คู่กับวงการก่อสร้างไทยมายาวนานกว่า 30 ปี จนตอนนี้แตกแบรนด์และผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของสีทาภายใน-ภายนอกอาคารออกมาในชื่อ “SEE Jorakay” โดยได้ทายาทอย่าง เฌอ-ชินธร อรรถสารประสิทธิ์ เป็นผู้ดูแลและขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์ในเครือจระเข้กลุ่มนี้ ซึ่งตั้งแต่เฌอได้รับไม้ต่อขึ้นมาเป็นผู้บริหารของแบรนด์ บทบาทของเฌอที่หลายคนรู้จัก จึงเป็นบทบาทของนักธุรกิจหนุ่มมากกว่าฉากหลังที่น้อยคนจะรู้ว่าว่าอีกบทบาทและความสนใจของเฌอ คือการเป็นดีไซน์เนอร์ในแบบฉบับของตัวเอง มีความสุข และสนุกกับการหยิบจับสิ่งรอบตัวมาออกแบบ

ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องของผู้บริหารที่หลงใหลในการออกแบบคนนี้ art4d นัดสัมภาษณ์กับเฌอในทันที ซึ่งเฌอชวน art4d มาพบกันที่บูธสีจระเข้ภายในงานสถาปนิก ‘65 ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคักไปด้วยเหล่าสถาปนิกและนักออกแบบ เหมาะกับการสนทนาเรื่องดีไซน์ไม่น้อย

art4d: ถ้าตัดเรื่องบทบาทผู้บริหารธุรกิจออกไป ได้ยินมาว่าคุณคือคนที่มีความสนใจเรื่องการออกแบบอย่างมาก ช่วยเล่าให้ฟังสั้นๆ ได้ไหมว่าสนใจอะไรเป็นพิเศษ

Shintorn Arthasarnprasit: ตั้งแต่เด็กๆ เลย ผมเป็นคนที่ชอบอะไรสวยๆ งามๆ มาก ในที่นี้หมายถึงสิ่งของหรืออะไรก็ตามที่ผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งผมเนี่ยมักจะชอบไปสะดุดตากับอะไรก็ตามที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นก่อนจะไปทำความเข้าใจว่าสิ่งนั้นจะถูกนำมาใช้งานยังไงเสียอีก (หัวเราะ) จะเรียกว่าเป็นความสนใจแบบ  form over funtion ก็ไม่ผิด ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะเป็น funtion over form กันใช่ไหม แต่สำหรับผมคือไม่เลย ผมมองงานออกแบบไปในแง่ว่ามันโดดเด่นยังไง สวยยังไง แล้วค่อยไปคิดว่าจะใช้งานยังไงเป็นอันดับสุดท้าย

ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือ มีโปรดักท์สองตัววางอยู่ ตัวหนึ่งฟังก์ชั่นจัดเต็มแต่ดีไซน์ไม่ได้ กับอีกตัวที่ดีไซน์ดีแต่ฟังก์ชั่นธรรมดา ผมก็จะเลือกตัวที่มีดีไซน์ดีก่อน ส่วนฟังก์ชั่นก็ค่อยมาพิจารณาทีหลัง อาจจะฟังดูแปลกๆ หน่อย แต่ตรงนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมคลั่งงานดีไซน์และตัดสินใจเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในสาขาโปรดักท์ดีไซน์ด้วย เพราะนอกจากการได้ชื่นชมงานดีไซน์ของคนอื่นแล้ว ผมเองก็หวังว่าอยากจะมีโอกาสได้ต่อยอดอะไรที่เป็นดีไซน์จากผมเองเหมือนกัน

art4d: ถ้ามีโอกาสได้ออกแบบโปรดักท์สักชิ้นหนึ่งจะออกแบบอะไร

SA: จริงๆ ระหว่างทางตั้งแต่เรียนจบจนเข้ามาทำงานในจุดนี้ ผมก็มีโอกาสได้ออกแบบอะไรสนุกๆ อยู่ตลอดนะ อย่างเช่น ถุงผ้า canvas ที่ลูกค้าถือๆ กันในงานสถาปนิกปีนี้ ผมก็เป็นคนออกแบบเอง ไม่ได้ไปจ้างใครที่ไหน หรือถ้ามีโอกาสในอนาคตจริงๆ ผมเคยคิดเล่นๆ ว่าอยากเปิดร้านอาหารที่มีดีไซน์และความเป็นตัวเราซ่อนอยู่ในทุกๆ องค์ประกอบ ตอนนั้นคงจะได้ออกแบบโปรดักท์หลายอย่างเลย ผมคงจะคุมเรื่องดีไซน์เองทั้งหมดตั้งแต่ โต๊ะ เก้าอี้ บรรยากาศ อาจจะรวมถึงดีไซน์ของอาหารบนจานนั้นๆ ด้วย (หัวเราะ)

art4d: เรียกได้ว่าต้องการออกแบบเองทั้งหมดตั้งแต่ A ถึง Z

SA: ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะทำแบบนั้นนะ มันเหมือนในทุกกระบวนการคิดของเราในทุกๆ อย่าง ทุกๆ การใช้ชีวิต มันมีเรื่องดีไซน์อยู่ในหัวตลอด จะซื้อของมาใช้หรือจะทำอะไรก็จะใช้แนวคิดเรื่องดีไซน์ร่วมด้วยตลอด หรือใช้วิธีคิดในมุมมองของนักออกแบบมาประยุกต์ด้วยแบบนั้น พอเราชอบสายนี้แล้วเรียนสายนี้มาด้วย การใช้ชีวิตก็จะค่อนข้างให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เยอะ

art4d: ความชอบออกแบบหรือการเรียนจบสายออกแบบมา ทำให้การใช้ชีวิตของคุณเป็นยังไง สามารถนำมาใช้ร่วมกับการบริหารธุรกิจได้ไหม

SA: สั้นๆ คือจุกจิกและเรื่องเยอะขึ้น (หัวเราะ) อะไรที่ดีไซน์ไม่ดี ไม่สวย เราก็จะเมินก่อนเลย แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น มันแค่ประมาณว่าถ้าเรามีโอกาสได้เลือกอะไรสักอย่างเราก็จะเลือกสิ่งที่มีการคิดและออกแบบมาแล้วแค่นั้นเอง อย่างเช่นจะซื้อโทรศัพท์สักเครื่องนอกจากคิดว่าเครื่องไหนสวยแล้ว ก็คิดด้วยว่าเครื่องไหนเหมาะกับบุคลิกของเรา หรือดูเป็นตัวเรามากที่สุด ผมจะมององค์ประกอบความงามเป็นหลัก จากนั้นจะมองเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งาน คุณสมบัติอื่นไล่ลำดับลงมา มันก็แล้วแต่ว่าใครจะให้ความสำคัญกับเรื่องไหนก่อน ส่วนเรื่องการบริหาร ผมคิดว่าได้ใช้ค่อนข้างเยอะเลยนะ เพราะวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะในกลุ่มของสีทาอาคาร มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการดีไซน์และเป็นเรื่องความเป็นอยู่ด้วย เราก็ต้องคิดให้ครอบคลุมที่สุดทั้งดีไซน์และคุณสมบัติอยู่แล้ว

art4d: คุณเคยออกแบบโปรดักท์ให้กับแบรนด์ของตัวเองบ้างไหม

SA: ถ้าเป็นโปรดักท์ของแบรนด์เลย ผมไม่ได้ถึงกับออกแบบเองโดยตรง แต่ก็ไปช่วยกำหนดทิศทางว่าเราจะออกแบบผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะในกลุ่มสีทาอาคารที่ผมดูแลอยู่เนี่ยให้เป็นไปในทิศทางไหน มีคุณสมบัติอะไร ตอบโจทย์อะไร เช่น การที่เราเล็งเห็นปัญหาว่าการเลือกสีบางตัวถ้าเลือกไม่ดีสามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ เราก็เอาประเด็นนี้มาออกแบบคุณสมบัติของสีให้มีความปลอดภัยกับผู้ใช้ ปลอดภัยกับผู้อยู่ สีของเราผลิตจากหินปูนธรรมชาติ 100% จะไม่เหมือนสีทั่วไปที่มีส่วนผสมของสารเคมี ซึ่งอาจจะพูดได้เลยว่าเราเป็นสีเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ปลอดภัยมากที่สุด และมันก็ยังมีคุณสมบัติในแง่อื่นๆ อีกด้วยนะ แต่มันจะลงลึกในเชิงเทคนิคเกินไป (หัวเราะ)

art4d: แล้วในมุมของดีไซน์เนอร์หรือคนที่เรียนออกแบบมา คิดว่า ‘สี’ มีความสำคัญกับงานออกแบบยังไง

SA: ในมุมของผมสีสำคัญมาก เพราะสีเป็นตัวแสดงอารมณ์ของชิ้นงานนั้นๆ เช่น ผนังถ้าเรียงติดกันเป็นแนวยาวเลยแล้วเป็นสีเดียวกันทั้งหมด มันก็จะดูนิ่งๆ ไม่ได้มีมิติอะไรใช่ไหม แต่ถ้าเราเพิ่มสีเข้าไปอย่างสีแดง สีกรม หรือสีเขียวที่ให้อารมณ์แตกต่างกันไป มันก็จะเปลี่ยนบรรยากาศของพื้นที่นั้นๆ ไปด้วย ในที่นี้อาจรวมไปถึง texture ด้วยนะ ค่อนข้างสำคัญพอๆ กันเลย ซึ่งตรงนี้ก็อยู่ที่ดีไซน์เนอร์ว่าเค้าจะวางทิศทางของบรรยากาศส่วนนั้นเป็นยังไง การออกแบบสีของจระเข้ เราเป็นเหมือนทีมซัพพอร์ตดีไซน์เนอร์มากกว่า ถ้าสีดีสามารถนำไปใช้กับการออกแบบได้หลากหลาย ดีไซน์เนอร์ก็จะสนุกกับการที่มี option ให้เลือกไปใช้ในการออกแบบมากขึ้น

art4d: เทรนด์การใช้สีของดีไซน์เนอร์ยุคนี้เป็นยังไงบ้าง

SA: ถ้าสีในการออกแบบบ้าน ผมว่าทุกวันนี้ดีไซน์เนอร์รวมถึงเจ้าของบ้านเค้ากล้าที่จะใช้สีสันอื่นๆ นอกจากสีขาวกันมากขึ้นนะ เราอาจจะเห็นบ้านสีดำมากขึ้น หรือบ้านสีแดง สีกรมมากขึ้น ซึ่งมันก็เป็นอีกมิติในการออกแบบสถาปัตยกรรมของบ้านเรา ส่วนเฉดสีของจระเข้มันก็เป็นอีกมิติเหมือนกัน เพราะมันจะต่างกับสีทั่วไปตรงที่ พอเราผลิตจากหินปูนบดซึ่งมีสีขาวต่างจากอะคริลิคที่เป็นสีใส โทนสีที่เราผสมออกมามันก็เลยจะออกมาแตกต่างจากสีทั่วๆ ไป เรียกว่าโทน NCS หรือ Natural Colors Standard ซึ่งเราก็ผสมออกมาให้มีเฉดที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติจริงๆ ด้วย รวมถึงในเนื้อสีของเราบางรุ่นมันก็จะมี texture หรือให้ผิวสัมผัสที่เหมือนกับธรรมชาติจริงๆ ได้ด้วย มันเลยจะให้อารมณ์ที่แตกต่างจากสีในท้องตลาด

art4d: จากที่คุยเรื่องดีไซน์ ไปจนถึงวิธีคิดหลังจากเรียนจบออกแบบมา คุณเคยมีความคิดว่าอยากจะออกมาเป็นดีไซน์เนอร์เองบ้างไหม

SA: เคยคิดแน่นอน แต่ด้วยจังหวะและสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงมุมมองในช่วงวัยที่โตขึ้น จากเมื่อก่อนอาจจะอยากจบมาเป็นดีไซน์เนอร์เต็มตัวไปเลย แต่ตอนนี้กลับกันที่มองความชอบในเรื่องของการออกแบบเป็นงานอดิเรกแทน ถ้ามีเวลาว่างก็คงจะนั่งออกแบบหรือทำงานศิลปะอะไรไปแบบนั้น ผมมองว่าพอเรารักงานดีไซน์ไปแล้ว และไม่ว่าตอนนี้เราจะทำงานอะไรหรือประกอบธุรกิจอะไรอยู่ เราก็สามารถนำดีไซน์มาข้องเกี่ยวกับงานของเราได้ตลอดนะ ผมเชื่อแบบนั้น

seejorakay.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *