นอกเหนือจากความหรูหราและงานออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด SCOPE Langsuan ยังให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยที่จับต้องไม่ได้ ด้วยการสร้างภาวะน่าสบายผ่านการดึงเอาองค์ประกอบของธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุภายในสีธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกบางเบา
TEXT: JINTAWACH TASANAVITES
PHOTO COURTESY OF SCOPE LANGSUAN
(For English, press here)
การให้ความสำคัญกับประสาทสัมผัสทั้งหมดของมนุษย์และสุขภาพจิตเป็นสิ่งที่ได้รับการเน้นย้ำอย่างมากในสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ สิ่งนี้ยิ่งเป็นความจริงโดยเฉพาะกับโครงการที่อยู่อาศัยที่ซึ่งผู้คนปัจจุบันใช้เวลาส่วนใหญ่ภายในอาคาร ดังนั้นการได้มาซึ่งสถานภาพที่ดูหรูหราจึงเป็นเพียงเรื่องธรรมดา แต่ SCOPE Langsuan ได้ก้าวข้ามพรมแดนของการใช้งานสู่แง่มุมที่จับต้องไม่ได้ทว่าสำคัญไม่แพ้กัน สภาพแวดล้อมภายในอาคารที่มีความสบายและสร้างสุขภาวะที่ดีมักเกี่ยวข้องกับการดึงเอาองค์ประกอบของธรรมชาติเข้ามาสู่พื้นที่
ด้วยเหตุนี้ Thomas Juul-Hansen จึงได้อธิบายอย่างชัดเจนผ่านบทสัมภาษณ์ว่าเขาได้ให้ความสำคัญสูงสุดกับเรื่องแสงธรรมชาติเมื่อทำการออกแบบพื้นที่สำหรับการอยู่อาศัยที่ดี “ผมมีความเชื่อแน่วแน่ว่าแสงธรรมชาติคือกุญแจสู่ความสุขภายในบ้าน แทบทุกพื้นที่ที่คุณอยู่สามารถสัมผัสได้ถึงเส้นสายของแสงสว่าง และสิ่งนี้สามารถสะท้อนถึงสุขภาวะของผู้อาศัยได้” Thomas บอกกับ art4d
แสงแดดส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจหลายๆ อย่าง ตั้งแต่ทิศทางการวางตัวของอาคาร ไปจนถึงการเลือกใช้หน้าต่างและคุณสมบัติสุดล้ำภายในตัว หน้าต่างเต็มความสูงจากพื้นจรดฝ้าเพดานภายในห้องพักอาศัยหันเข้าหาทิศตะวันออกหรือตะวันตกโดยตรง ซึ่งเป็นทิศทางหลักที่เปิดรับแสงอาทิตย์ได้มากที่สุด ด้วยปริมาณแสงอาทิตย์ที่เต็มเปี่ยมนี้ ตัวอาคารจึงคำนึงถึงการควบคุมระดับความร้อนและติดตั้งหน้าต่างฃนิดโลว์อีพร้อมฉนวนสองชั้น เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้อยู่อาศัยจะยังคงความสบายตามที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านี้
ยิ่งไปกว่านั้น ฝ้าเพดานที่มีความสูงถึง 3.5 เมตรของห้องนอน (4 เมตรในห้องพักรูปแบบ Penthouse) ยังสามารถช่วยกระจายแสงธรรมชาติได้มากยิ่งขึ้นและมีส่วนช่วยให้การหมุนเวียนอากาศภายในห้องดีกว่าเดิม ถึงกระนั้นความน่าสบายทางสายตาและที่สัมผัสได้ก็ไม่ได้หมายถึงการนำเอาแสงสว่างเข้าสู่พื้นที่ภายในให้มากที่สุดเสมอ ผู้ใช้งานเองควรกำหนดปริมาณการใช้แสงสว่างได้เอง ซึ่งนั่นหมายถึงการปล่อยให้แสงเข้าสู่พื้นที่ภายในได้ในบางช่วงเวลา รวมถึงการป้องกันแสงได้ด้วยในบางโอกาส จากความใส่ใจนี้ ตัวอาคารจึงติดตั้งม่านม้วนทึบแสงที่ทำงานด้วยระบบมอเตอร์แบบ 100% เตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อใช้ควบคุมปริมาณแสงที่อาจเกินความต้องการของลูกบ้านในแต่ละช่วงเวลา
นอกเหนือจากเรื่องแสงสว่างและการหมุนเวียนของอากาศที่ดียิ่งขึ้นแล้ว นักออกแบบยังพยายามผสมผสานการใช้วัสดุธรรมชาติในทุกพื้นที่เพื่อขับเน้นระดับของความสบายในพื้นที่ที่จัดเตรียมให้ สีสันบางเบาและโทนสีธรรมชาติถูกนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนการรับรู้ของพื้นที่ภายในและมอบความรู้สึกกว้างขวาง “อบอุ่น สบาย และสงบคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญระหว่างกระบวนการคัดสรรวัสดุ เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและอยู่สบาย” Thomas กล่าวเน้น วัสดุที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหล่านี้ประกอบไปด้วยพื้นผิวไม้ธรรมชาติ ผืนผ้าที่ได้รับการตัดเย็บอย่างประณีต วอลเปเปอร์ และที่ขาดไปไม่ได้ก็คือการใช้หินและหินอ่อนธรรมชาติ
นอกจากนี้ เมื่อได้รับแสงแดดในประมาณที่เพียงพอแล้ว ลูกบ้านสามารถสบายใจได้ว่าต้นไม้และพืชพรรณต่างๆ ที่นำมาปลูกในบ้านจะได้รับสารอาหารที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิต ลึกๆ แล้วมนุษย์ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งองค์ประกอบที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อพิจารณาถึงการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมน่าสบายมีอิทธิพลในเชิงบวกต่ออารมณ์และสุขภาวะของผู้อยู่อาศัย เช่นเดียวกับสถานที่ที่แสงเข้าถึงได้น้อยและน่าอึดอัดทำให้ชีวิตหม่นหมองได้เหมือนกัน
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมการรังสรรค์พื้นที่ภายในจึงมีส่วนสำคัญที่ทำให้ SCOPE Langsuan ก้าวล้ำไปอีกขั้นเมื่อพิจารณาถึงทุกองค์ประกอบของการอยู่อาศัยของมนุษย์ และครองตำแหน่งสูงสุดของการออกแบบสถาปัตยกรรมและตลาดที่พักอาศัยหรูระดับโลก