โครงการบ้านเดี่ยวสองชั้นแบบ Luxury Design จากแสนสิริที่มาพร้อมกับการออกแบบสไตล์ ‘Modern Classic’ ที่ไม่เพียงแต่ตอบรับกับวิถีชีวิตแบบครอบครัวอันหลากหลาย หากแต่ยังนำเสนอภาพตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างชัดเจน
TEXT: KITA THAPANAPHANNITIKUL
PHOTO: KETSIREE WONGWAN
(For English, press here)
แม้ว่าจะผ่านมาหลักพันปี แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารูปแบบ ‘สถาปัตยกรรมคลาสสิก (Classical architecture)’ นั้นเป็นแนวทางที่ไม่เคยหายไปจากโลกของสถาปัตยกรรมในฐานะงานออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลา ซึ่งแม้จะมีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อยตามแต่ยุคสมัย องค์ประกอบที่มีร่วมกันยังคงเป็นการอ้างอิงรูปแบบอาคารจากยุคกรีกโบราณ (Ancient Greek) และโรมันโบราณ (Ancient Roman) ทั้งเรื่องของสัดส่วนเรขาคณิต การเล่นกับจังหวะที่เท่ากันของแนวเสา ความสมมาตรของรูปด้าน องค์ประกอบตกแต่งอย่างบัวหรือการย่อมุม ทั้งนี้ก็เพื่อสื่อถึงภาพของสถาปัตยกรรมอันเป็นตัวแทนของความยิ่งใหญ่และความวิจิตรของอารยธรรมที่ครั้งหนึ่งเป็น เหมือนรากฐานของโลกตะวันตก
ในปัจจุบัน ความหลงใหลในความ ‘คลาสสิก’ ของผู้คนก็ยังปรากฏอยู่ให้เห็นได้กันอยู่เนืองๆ ในรูปแบบของบ้านแบบนีโอคลาสสิกที่มาพร้อมเอกลักษณ์อย่างหน้าบันสามเหลี่ยมและเสาโรมันที่ประดับประดาด้วยปูนปั้นที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นงานประติมากรรม แต่ในอีกด้าน ก็ได้มีแนวทางการออกแบบที่ได้ผนวกเอกลักษณ์ของความคลาสสิกเข้ากับความเรียบง่ายที่ร่วมสมัย เกิดเป็นแนวทางแบบ ‘Modern Classic’ ที่มุ่งเน้นไปยังการรักษากลิ่นอายความมั่นคง ความสง่างาม และภาพลักษณ์ตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมคลาสสิกในขณะที่ยังคงใช้ความเรียบง่ายเพื่อถ่ายทอดความหรูหราแบบร่วมไปสมัยไปพร้อมๆ กัน
จากสไตล์งานออกแบบที่อยู่เหนือกาลเวลาที่ผสานเข้ากับสมัยใหม่ แสนสิริ ผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์ของไทยจึงได้หยิบสไตล์ ‘Modern Classic’ นี้มาเป็นแรงบันดาลใจหลักให้กับโครงการเศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ โครงการบ้านเดี่ยวสองชั้นแบบ Luxury Design ที่ไม่เพียงแต่ตอบรับกับวิถีชีวิตแบบครอบครัวอันหลากหลาย หากแต่ยังนำเสนอภาพตัวตนของผู้อยู่อาศัยที่เป็นเอกลักษณ์ได้อย่างชัดเจน
5 แบบบ้านภายใต้สถาปัตยกรรม Modern Classic ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยทุก Lifestyle
เริ่มต้นจากภาพรวมของตัวบ้านที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Modern Classic’ ตัวบ้านนำเสนอความโดดเด่นและความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมคลาสสิก ให้แก่ผู้คนตั้งแต่เมื่อแรกเห็น หากมองจากไกลๆ โถงทางเข้าแบบ double volume ช่องเปิดกระจกจำนวนมาก และแนวเสาที่เรียงตัวในจังหวะที่เท่าๆ กันสร้างความรู้สึกหนักแน่นและมั่นคงคล้ายกับวิหารหรือคฤหาสน์ในยุโรป แต่ในขณะเดียวกันหากเรามองในรายละเอียด เราจะเห็นถึงความร่วมสมัยที่ซ่อนตัวอย่างแนบเนียนผ่านทั้งการคุมธีมสีให้เรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหราอย่างการใช้วัสดุ สีขาว สีดำ และสีทอง รวมถึงการตกแต่งส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผนัง คาน เสา ด้วยการใช้องค์ประกอบอย่าง คิ้ว บัว และการย่อมุม เพื่อสร้างมิติขององค์ประกอบเชิงลึก ที่ในขณะเดียวกันก็ถูกออกแบบลดทอนให้มีความเรียบง่ายไม่แสดงตัวออกมาโดดเด่นเกินกว่าภาพรวมของตัวอาคาร
แม้ว่าโครงการจะมีจำนวนบ้านไม่มากเพื่อความเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังมีรูปแบบบ้านทั้งหมด 5 แบบเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย เริ่มต้นจาก
– Glory ในขนาด 204 ตารางเมตร (4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ)
– Victory ขนาด 247 ตารางเมตร (4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ)
– Mastery ขนาด 281 ตารางเมตร (4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ)
– Majesty ขนาด 319 ตารางเมตร (4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ)
– Meridian ในขนาด 407 ตารางเมตร (5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องน้ำแขก 4 ที่จอดรถ)
โดยบ้านแต่ละแบบนั้นส่วนใหญ่จะมีรายละเอียดพื้นฐานแนวคิดเดียวกัน เช่น การวางผังที่เน้นไปที่การแบ่งห้องที่ชัดเจน การมีพื้นที่ family area ในชั้นสอง การมีพื้นที่ living area และ dining area เชื่อมกันแบบ open plan เพื่อสร้างอิสระในการใช้งาน หรือการออกแบบพื้นที่ชั้นหนึ่งโดยคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงอายุ อาทิ ประตูที่มีขนาดกว้างและห้องอาบน้ำและประตูไร้ขอบขึ้นเพื่อให้รถเข็นเข้าได้ โดยทั้งนี้ตัวบ้านแต่ละประเภทจะมีการออกแบบที่แตกต่างกันเพียงในเรื่องของขนาดพื้นที่ จำนวนห้องนอน จำนวนห้องน้ำ ที่ขึ้นอยู่กับรูปแบบของผู้อยู่อาศัยและขนาดของครอบครัว เช่นครอบครัวที่มีสมาชิกจำนวนไม่มากนักอาจเหมาะกับแบบบ้าน Glory, Victory, Mastery ส่วนครอบครัวใหญ่ที่ประกอบด้วยสมาชิกหลาย generation อาจเหมาะกับแบบบ้าน Majesty และ Meridian ที่มีจำนวนห้องนอนและขนาดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นตามลำดับ
Clubhouse ศูนย์กลางของโครงการที่หรูหราแบบเรียบง่ายในสไตล์ Neo-classic
สิ่งหนึ่งที่เป็นเหมือนตัวตนและภาพแทนของโครงการนี้ได้ดีที่สุดก็คืออาคาร clubhouse ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ใจกลางพื้นที่ของโครงการ โดย clubhouse แห่งนี้มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายใน อาทิ ฟิตเนส co-working space และสระว่ายน้ำระบบเกลือ เพื่อรองรับกิจกรรมที่หลากหลายของผู้อยู่อาศัยในโครงการ
นอกเหนือจากฟังก์ชันที่ครบเครื่อง clubhouse นี้ยังมีการออกแบบในสไตล์ Neo-classic ที่มี scale ของอาคารที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวบ้านรอบข้าง การใช้หลังคาเรียบที่เล่นกับการย่อมุม ตัวอาคารที่วางในลักษณะสมมาตรซ้าย-ขวา พร้อมทั้งมีทางเข้าหลักที่เป็นซุ้มโค้งแบบ double space ที่สูงถึง 7 เมตร รวมถึงยังคงการใช้วัสดุหินอ่อนสีขาวและสีดำที่สร้างความหรูหราแต่ยังคงแฝงไปด้วยความเรียบง่าย ลักษณะของ clubhouse แห่งนี้ชวนให้นึกถึงสถาปัตยกรรมที่มีรูปลักษณ์ความคล้ายกันอย่าง ‘ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe)’ อันเป็นอนุสรณ์สถานที่โด่งที่สุดในกรุงปารีส จะแตกต่างกันในเรื่องราว แต่อาคาร clubhouse แห่งนี้ที่หันออกสู่ด้านหน้าของโครงการมีหน้าที่ต้อนรับผู้คนที่ได้ผ่านเข้ามาประตูมาในลักษณะเดียวกัน
แม้ว่าตัว clubhouse นั้นจะมีลักษณะอาคารแบบสมมาตรเพื่อเป็นจุดรวมสายตาให้กับผู้ใช้งานหรือผู้เยี่ยมชมที่ได้เข้ามา สิ่งที่ช่วยสร้างความนุ่มนวลของอาคารกลับเป็นสระว่ายที่มีความโค้งที่อยู่บริเวณด้านหน้า และงานภูมิสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่ล้อมรอบอาคารอยู่ ซึ่งมีเอกลักษณ์คือการวางกลุ่มต้นไม้ที่อิสระขึ้น การเล่นกับระดับของเนินดิน สีสันของพืชพรรณ รวมไปถึงองค์ประกอบตกแต่งอย่างซุ้มไม้เลื้อย ช่วยทำให้ภาพรวมของโครงการมีมิติทางสายตา และสร้างบรรยากาศผ่อนคลายให้กับผู้อยู่อาศัยที่อาจใช้เวลาของเย็นสักวันหนึ่งทอดน่องท่ามกลางพื้นที่สีเขียวริม บรรยากาศร่มรื่นของสระว่ายน้ำ
ซุ้มประตูโครงการริมแนวถนนใหญ่ที่รักษาความเป็นส่วนตัวกลางทำเลศักยภาพ
ในด้านที่ตั้ง โครงการเศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ นั้นตั้งอยู่ ณ ทำเลที่ใกล้กับระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบคมนาคมที่อยู่ใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ทั้งยังเชื่อมต่อกับถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี และทางด่วนบูรพาวิถี การล้อมรอบด้วยพื้นที่การศึกษาหลายแห่งทั้ง โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพ และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง รวมไปถึงพื้นที่ไลฟ์สไตล์ต่างๆ อาทิ เมกาบางนา โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง ซึ่งตอบรับกับทุกมิติของผู้อยู่อาศัย
นอกจากนี้ โครงการเศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิยังให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ความสงบ และอัตลักษณ์ของโครงการเป็นสำคัญ สิ่งเหล่านี้ถูกสะท้อนออกมาผ่านไฮไลท์อย่าง maingate หรือซุ้มประตูโครงการที่มีหน้ากว้างกว่า 100 เมตร เลียบถนนใหญ่ที่มีลักษณะเป็นรั้วที่ค่อยๆ โค้งเว้าเข้าไปในโครงการเพื่อโอบล้อมทั้งโครงการด้วยความร่มรื่นจากทั้งน้ำพุและสวนแบบยุโรปในด้านหน้าโครงการ
ด้วยความที่พื้นที่นี้มีการเว้นระยะจากถนนใหญ่เข้าไปเพื่อเป็น drop-off หน้าโครงการ พื้นที่นี้จึงทำหน้าที่เป็นเหมือนกันชน (buffer zone) สำหรับป้องกันมลภาวะทางฝุ่นและเสียงจากภายนอกไปโดยปริยาย อีกทั้งในด้านของความงาม ส่วน maingate นี้ยังมาพร้อมกับ skylight ขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติลงมายังประติมากรรมร่วมสมัยในชื่อ ‘พดด้วง’ ที่ไม่เพียงแต่เป็นชิ้นงานศิลปะที่ช่วยเติมเต็มสุนทรียภาพให้กับพื้นที่ ในนัยหนึ่ง พดด้วงที่ซ่อนความหมายของความ ‘มั่นคง มั่งคั่ง มั่งมี’ นี้ก็เป็นดั่งภาพสะท้อนของทุกชีวิตที่อยู่อาศัยภายในโครงการนี้เช่นเดียวกัน
การใช้งานจริง ความงาม บริบท นอกเหนือจากสามเรื่องนี้ โครงการ เศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ ยังมาพร้อมกับนวัตกรรมต่างๆ ที่คำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย การประหยัดพลังงานและการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การคำนึงถึงจุดติดตั้ง EV charger ให้กับบ้านทุกหลัง การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคา รวมถึงการติดตั้งช่องระบายอากาศไว้ตามจุดต่างๆ ของตัวบ้านเพื่อลดความร้อนในอาคาร และการก่อสร้างด้วยระบบที่ได้มาตรฐาน ดูแลรักษาง่ายเพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถอยู่ได้ในบ้านโดยไร้ความกังวล
เศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมิ ตัวตนของความคลาสสิกแบบร่วมสมัย
บ้านไม่เคยเป็นแค่เรื่องของฟังก์ชันหรือการอยู่อาศัย แต่บางครั้งก็ควบรวมความหมายของสะท้อนตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้คนภายในเช่นกัน มากกว่าพื้นที่บ้านที่ให้มาอย่างเหลือเฟือและบริบทที่รองรับแก่การเติบโตของครอบครัว ตัวรูปแบบของสถาปัตยกรรม Modern Classic ที่ปรากฏในโครงการเศรษฐสิริ บางนา – สุวรรณภูมินี้ก็เช่นกัน เป็นความหรูหราและความนุ่มลุ่มลึกที่ซ่อนอยู่ในองค์ประกอบคลาสสิกอย่างบัวผนัง หินอ่อนสี monochrome หรือการย่อมุมในทุกรายละเอียด ตัดกับความเรียบง่ายและสร้างสรรค์ของการลดทอนในแบบ ร่วมสมัยทั้งด้านเส้นสายหรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวบนผังพื้นแบบ open plan ไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่เราสวมใส่ในแต่ละวัน บ้านสื่อสารถึงสิ่งนามธรรมที่ลึกซึ้งและไม่สามารถมีใครเลียนแบบ สิ่งนั้นคือตัวตนของเราที่เราทุกคนต่างล้วนภาคภูมิใจ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่