โคมไฟเป็นเครื่องใช้ที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ในขณะเดียวกันก็เป็นวัตถุที่มีพื้นที่มากมายให้การออกแบบ art4d ชวนสำรวจหนังสือเล่มนี้ ที่รวบรวมงานออกแบบโคมไฟโดยนักออกแบบทั่วโลกตั้งแต่ปี 1950
TEXT: PATTIYA HARPUTPONG
(For English, press here)
Lamptitude Reserve: The Pursuit Of Light 20th Anniversary
Lamptitude, 2023
6.30 x 9.40 inches
160 pages
โคมไฟเปรียบเสมือนประติมากรรมที่เปล่งแสง เรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะประเภทหนึ่งในยุคปัจจุบันที่สามารถมีอยู่ได้ทุกที่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการให้แสงสว่าง แต่นอกเหนือไปจากนั้น โคมไฟยังถูกใช้เพื่อกำหนดหรือเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง เพื่อสะท้อนถึงรสนิยมของเจ้าของ เพื่อแสดงความคารวะต่อศิลปะการออกแบบและงานฝีมือ หรืออย่างน้อยที่สุด เพื่อทำให้พื้นที่และเวลาน่ารื่นรมย์ขึ้น แม้จะแค่เพียงเล็กน้อยสำหรับใครก็ตามที่พบเห็น
The Pursuit of Light เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นในโอกาสพิเศษโดย Lamptitude ในโอกาสครบรอบ 20 ปีเพื่อเฉลิมฉลองการเดินทางของแบรนด์ ในโอกาสนี้ Lamptitude ยังคงรักษาเจตนารมณ์และปณิธานของแบรนด์ด้วยการส่งต่อความคลั่งไคล้ที่มีต่อโคมไฟและเรื่องราวเบื้องหลังการออกแบบ หนังสือเล่มนี้รวบรวมงานออกแบบโคมไฟจำนวน 40 ชิ้นโดยนักออกแบบทั่วโลก โดยมี 20 ชิ้นเป็นงานออกแบบจากก่อนปี 2000 และอีก 20 ชิ้น ที่ถูกออกแบบระหว่างปี 2000 จนถึงปัจจุบัน เมื่อดูปีที่ผลิตครั้งแรกของโคมไฟหลายๆ ชิ้นในเล่มนี้อาจทำให้เราแปลกใจได้ไม่น้อย เพราะหลายดีไซน์ยังดูสดใหม่เหมือนกับเพิ่งถูกออกแบบเมื่อวาน ซึ่งนับเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงบททดสอบของกาลเวลา แน่นอนว่าโคมไฟเหล่านี้จะยังคงคุณค่าต่อไปอีกหลายทศวรรษ หรือหลายศตวรรษ
Snoopy โดย Achille และ Pier Giacomo เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของดีไซน์ที่ยืนหยัดไร้กาลเวลา โคมไฟนี้ถูกออกแบบขึ้นในปี 1967 ประกอบไปด้วยส่วนโป๊ะขึ้นรูปโค้งมนไม่ธรรมดา ทำจากเหล็กเคลือบสีดำเงาวาว ซึ่งก็ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวละครคอมมิกที่เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คน ส่วนฐานโคมนั้นทำจากหินอ่อนคาราร่าขัดผิวเงามัน ดูเรืองไปด้วยแสงเมื่อถูกส่องสว่าง มุมเอียงของตัวโคมดูขี้เล่นเหมือนกับท่าทางของตัวละครสัตว์เลี้ยงเพื่อนรักที่ทักทายความเป็นเด็กในตัวเรา ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Snoopy ยังคงถูกเลือกใช้ในงานออกแบบตกแต่งจำนวนไม่น้อย เพราะดูเหมือนว่าเรื่องของจินตนาการและความเยาว์วัย เวลาที่นำมาเสนอในสไตล์ที่เรียบเท่ ยังไงก็ยังเป็นสิ่งที่ถูกใจแทบทุกคน
งานออกแบบโคมไฟจาก 23 ปีที่ผ่านมาเป็นเครื่องยืนยันอย่างดีว่าอนาคตของดีไซน์นั้นยังคงสว่างไสว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าดีใจไม่น้อยที่เรามีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยงานออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นผลงานจากนักออกแบบระดับตำนานที่ยังคงสร้างผลงานที่ผลักดันขอบเขตของความเป็นไปได้ หรือว่างานจากนักออกแบบรุ่นใหม่ที่กลายมาเป็นชิ้นคลาสสิกในเวลาอันรวดเร็ว
Random (2017) เป็นโคมไฟแขวนที่ประกอบไปด้วยส่วนกระจายแสงทำจากแก้วเป่าทรงกลมขนาดต่างกันจำนวน 3 ชิ้น กลุ่มก้อนของแก้วเป่านี้เรียงตัวกันคล้ายฟองสบู่ที่แขวนอยู่ในอากาศอย่างร่าเริง โคมแก้วแต่ละโคมมีหลอด LED ติดอยู่ตรงขั้ว ให้แสงนุ่มนวลสีขาว ตัวโคมแก้วนี้มีให้เลือกถึง 6 สีด้วยกัน ทำให้ง่ายต่อการเลือกไปใช้ประดับห้องได้หลากหลายบรรยากาศ ดีไซเนอร์ที่ออกแบบผลงานชิ้นนี้คือ Chia-Ying Lee นักออกแบบรุ่นใหม่ชาวไต้หวันซึ่งได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัล IFFS Asian Star Talent ซึ่งเธอได้รับในปี 2015 อีกด้วย
การเติมแต่งความสนุกสนานลงไปยังงานออกแบบนั้นคงเป็นเรื่องที่ไม่มีวันเสื่อมไปจากความนิยม อย่างที่เรารู้กันดีว่า ส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการออกแบบนั้นมาจากความสามารถในการสร้างชิ้นงานที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพโดยยังคงแฝงความสนุกเอาไว้ นอกจากนี้เราก็ยังเห็นกระแสแรงต่อเนื่องของการพยายามสร้างโคมไฟที่ส่องสว่างโดยไม่ให้รู้ว่าแหล่งแสงอยู่ที่ไหน แต่ที่มาแรงสุดๆ ก็คือแนวคิดด้านความยั่งยืน ซึ่งถูกให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียวในทศวรรษที่ผ่านมา นับว่าทั้งดีต่อโลกและดีต่อใจ ที่ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีความเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากขึ้นแม้แต่ในงานออกแบบโคมไฟ
โคมไฟ Almendra ซึ่งถูกออกแบบในปี 2022 เป็นผลงานของนักออกแบบชื่อดังชาวสเปนอย่าง Patricia Urquiola ชื่อของโคมไฟแปลได้ว่า อัลมอนด์ ซึ่งสะท้อนอยู่ในดีไซน์สะดุดตาที่ได้รับจากแรงบันดาลใจจากกิ่งก้านใบและเมล็ดอัลมอนด์ โคมไฟแขวนนี้มีส่วนกิ่งแนวนอนที่มีโมดูลาร์แผงส่องสว่างติดอยู่ตรงปลาย โดยโมดูลาร์นี้สามารถถอดประกอบ และจัดเรียงใหม่ให้เป็น 3, 4, หรือ 6 โมดูลได้ โคมไฟนี้ทำจากวัสดุโพลีคาร์บอเนต ซึ่งเป็นผลพวงจากการผลิตกระดาษ ทุกชิ้นส่วนของโคมสามารถประกอบเข้าด้วยกันโดยไม่ใช้กาวและสามารถรีไซเคิลได้
สังคมของเราไม่เคยหยุดผลิตผลงานการออกแบบที่ยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นในทุกปีงานออกแบบโคมไฟจากดีไซเนอร์ระดับแนวหน้ายังคงได้รับการติดตามและเป็นที่สนใจจากกลุ่มคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากทั่วทุกมุมโลกที่มีใจรักในสุนทรียภาพ การออกแบบที่ตอบสนองการใช้งาน และความพิเศษเหนือธรรมดา Lamptitude เองก็นับเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ ดังที่ สาธิต ก่อกูลเกียรติ Managing Director ของ Lamptitude กล่าวไว้ในบทนำของหนังสือเล่มนี้ว่า “เราไม่ใช่แค่ร้านขายโคมไฟ และเราก็ไม่ใช่นักออกแบบ เราเป็นเพียงคนที่คอยเดินตามแสงไฟ และมองหาคุณค่าที่ซ่อนอยู่ในผลงานแต่ละชิ้น”
ดาวน์โหลดหนังสือ ที่นี่