Architecture for Dogs จุดเริ่มต้นโปรเจกต์สำหรับน้องหมาที่ท้าทายความคิดและการสร้างสรรค์จากสถาปนิกชื่อดัง ร่วมสำรวจมุมมองใหม่ของการออกแบบ แต่ยังคงทิ้งคำถามเกี่ยวกับเจตนารมณ์ที่แท้จริงของโปรเจกต์นี้
(For English, press here)
บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ art4d 30 โปรเจกต์ที่คัดเลือกบทความทางสถาปัตยกรรม การออกแบบ และศิลปะที่เคยถูกตีพิมพ์ลงในนิตยสาร art4d ตลอด 30 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1995

No Dogs, No Life! by Sou Fujimoto for Boston Terrier
คำว่า ‘จริงใจ’ เป็นคำที่ใช้ขยายความหรือพูดถึงสถาปัตยกรรมแล้วออกจะฟังดูแปลกๆ สักหน่อย แล้วก็ยังทำให้คิดไปในทางตรงกันข้ามอีกต่างหาก เราอดสงสัยหรือตั้งคำถามไม่ได้ เมื่อเห็นโปรเจกต์ ‘Architecture for Dogs’ นี้ เพราะอย่างแรกเลย สถาปัตยกรรมสำหรับสุนัขเป็นไอเดียที่ฟังดูออกจะเวอร์อยู่ไม่น้อย แถมงานนี้ยังรวมเอาเหล่าบรรดาสถาปนิกระดับดาราทั้งหลายเรียงหน้ากันมาออกแบบอีกต่างหาก เลยทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นโปรเจกต์ที่จริงจัง จริงใจ หรือเป็นแค่อีกโปรเจกต์ที่เชิญสถาปนิกดังๆ มาปล่อยของแล้วก็อาศัยชื่อมาเรียกความสนใจ เพราะยังไงๆ ความน่ารักของน้องหมาก็ขายได้อยู่แล้ว (ขนาดเรายังต้องเอามาลงเลย!)
ยกตัวอย่างเช่น ทำไมท่อกระดาษที่ Shigeru Ban ได้เคยนำเสนอว่าเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับสถานที่ที่เพิ่งเกิดภัยพิบัติจึงถูกนำมาใช้ในงานนี้ในรูปแบบของแกนของพลาสติกสำหรับห่อของที่ใช้กันในครัวและเอามาจัดเรียงต่อกันเป็นฉากกั้นสเปซสำหรับน้องหมา Ban ยังบอกด้วยว่า ‘(แค่เพิ่มลวด 2 เส้น) คุณสามารถดัดแปลงแผงท่อพวกนี้เป็นเตียง ชิงช้า ผนังแบบเขาวงกต หรือแม้แต่ทำเก้าอี้หรือโต๊ะได้ด้วยตัวคุณเอง’ คำถามก็คือ งานนี้ทำให้สำหรับ ‘ใคร’ กันแน่ ในขณะที่สถาปนิกมากความสามารถอย่าง Sou Fujimoto ออกแบบโดยใช้โครงกริดเหล็กโปร่งๆ ทำเป็นฟอร์มบ้านหมา ซึ่งก็สามารถจัดวางของตกแต่งเก๋ๆ ได้อย่างกระถางต้นไม้หรือหนังสือ แต่กลับไม่มีหลังคาหรือองค์ประกอบอะไรที่ให้ความอบอุ่นของบ้านกับน้องหมาอย่างที่น่าจะเป็นซะเลย แถม Fujimoto ยังพูดถึงคอนเซ็ปต์ของเขาว่า เป็น ‘การนำเสนอความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างคนกับหมา’ หรืออย่างงานชื่อ ‘Mount Pug’ ของ Kengo Kuma ที่ดูคล้ายกับพาวิลเลียนของนักศึกษาสถาปัตย์ในลอนดอนที่มีให้เห็นกันบ่อยๆ แถวๆ Bloomsbury ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมงานนี้ Kuma กลายเป็นคนที่ทำงานแบบ ‘function follows form’ ซะยิ่งกว่าใครเพื่อน

Mount Pug by Kengo Kuma for Pug

Beagle House Interactive Dog House by MVRDV (Elien Deceunink / Mick van Gemert) for Beagle
แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เสนองานออกแบบในโปรเจกต์นี้โดยไม่มีแนวคิดเชิงวิจารณ์หรือสาระที่ต้องการสื่อผ่านงานออกแบบ Konstatin Grcic นำเสนอไอเดียกระทบกระเทียบผ่านรูปฟอร์มของกระจกส่องมองตัวเองสำหรับหมาพุดเดิ้ล โดยอ้างอิงการทดสอบของนักประสาทวิทยาเกี่ยวกับการรับรู้ตัวเองจากกระจกเงาของสัตว์ต่างๆ ที่เรียกว่า Mirror Test ซึ่งผลวิจัยระบุว่า สุนัขไม่มีความสามารถในการรับรู้ แม้ว่าเจ้าของหมาพุดเดิ้ลหลายๆ คนจะออกมาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับผลการวิจัยนี้ก็ตาม งานออกแบบที่สามารถตีความได้หลายแง่มุมของ Grcic ให้กับหมาพุดเดิ้ล ที่ว่ากันว่าเป็นหมาพันธุ์ที่สุดจะแสนรู้นี้ จึงไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่าที่ Grcic ให้ความเห็นติดตลกไว้ว่า ‘คงจะต้องสดุดีให้ดังๆ ว่า พุดเดิ้ลจงเจริญ!’

Paramount by Konstantin Grcic for Toy Poodle
งานอีกชิ้นที่น่าสนใจและเป็นบทสรุปที่ดีสำหรับ Architecture for Dogs เป็นของ Elien Deceunink และ Mick Van Gemert จาก MVRDV ก็คือสิ่งที่พวกเขาเขียนในถ้อยแถลงว่า ‘มันไม่มีหรอกสถาปัตยกรรมสำหรับสุนัขน่ะ สุนัขอาศัยอยู่กับสถาปัตยกรรมของคน แล้วแต่ว่าเจ้าของของมันจะเลือกอยู่แบบไหน’ ฟังดูเหมือนไม่เห็นด้วยกับบรีฟ แต่พวกเขาก็มีงานออกแบบมาร่วมด้วยอย่างที่เห็น
นอกจากกลุ่มที่ออกแนวสถาปัตยกรรมจัดๆ ยังมีงานของ Toyo Ito กับ Hiroshi Naito ที่ต้องขอตบมือดังๆ ให้ Ito กับ Naito ได้เสนองานออกแบบที่ไม่หวือหวา แต่เป็นงานที่น่าจะใช้งานจริงได้ดีที่สุดสำหรับบรรดาน้องหมาที่น่ารักของเรา Ito ออกแบบรถเข็นที่เราสามารถพาหมาอายุมากออกไปเดินเล่นข้างนอกกับเราได้ ส่วน Naito ออกแบบชุดทำความเย็นให้กับหมา เพื่อระลึกถึง Pepe หมาพันธุ์ Spitz ของเขาเองที่ตายไปตอนที่มันแก่มากแล้ว ด้วยอายุ 16 ปี Pepe เคยอยู่อย่างยากลำบากในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นเพราะบ้านของ Naito ไม่ได้ติดแอร์ งานของทั้งสองอาจจะดูจากภายนอกเหมือนเป็นดีไซน์ที่น่าเบื่อ แต่มันกลับเป็นงานที่ตรงประเด็นและใช้งานได้ดีที่สุด

Mobile Home for Shiba by Toyo Ito for Shiba

Dog Cooler by Hiroshi Naito for Spitz
ส่วนงานของ Kenya Hara ภัณฑารักษ์ของโปรเจกต์นี้เองเป็นแท่นยกระดับที่สุนัขสามารถปีนขึ้นไป และยืนในระดับเดียวกับสายตาคน งานของ Hara มีประเด็นที่น่าสนใจในเรื่องของสเกล โดยเฉพาะกับสเกลที่ไม่ได้เป็นสเกลของมนุษย์อย่างที่สถาปนิกและนักออกแบบอย่างเราๆ คุ้นเคย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาสถาปัตยกรรมเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับสเกลมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นขนาดส่วนของ Vitruvian Man หรือ Modulor ของ Le Corbusier งานของ Hara ยังมีไอเดียคล้ายกับเทรนด์ของบ้านร่วมสมัยในเวลานี้ที่ชอบทำบันไดเตี้ยๆ ให้กับสุนัขเอาไว้เดินขึ้นลงในบ้าน ซึ่งเป็นไอเดียที่ดูง่ายเกินไปนิด

D-Tunnel by Kenya Hara for Teacup Poodle
ประเด็นที่ทำให้เราอดตั้งคำถามไม่ได้ ก็คือทำไมโปรแกรมหรือโจทย์ให้ออกแบบสถาปัตยกรรมสำหรับสุนัขที่บอกว่า ‘จริงใจ’ นี้ถึงไม่มีเรื่องที่โยงไปถึงประเด็นระดับเมืองหรือสังคม อย่างเช่น การทำบ้านให้บรรดาสุนัขจรจัด หรือถ้ามันจำเป็นจะต้องมีการจำกัดพื้นที่ของสุนัขจริงๆ แล้ว เป็นไปได้ไหมที่จะออกแบบบ้านหรือที่อยู่อาศัยของมันที่เอื้ออาทรกับสุนัขมากกว่าที่เป็นอยู่ บางทีคำตอบอาจจะเป็นเพราะว่าโปรเจกต์สถาปัตยกรรมสำหรับสุนัขนี้เป็นเรื่องของธุรกิจมากกว่าอย่างอื่น ถ้าดูจากทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง บริษัทธุรกิจที่ก่อตั้งโดย Kenya Hara ที่มี Imprint Venture Lab หนุนหลังอยู่ ทำโปรเจกต์นี้โดยวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้มีกิจกรรมหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการ กิจกรรมออนไลน์ และในอนาคตยังมีส่วนที่เป็นร้านค้าปลีก และในตอนนี้ก็เปิดตัวกันด้วยเว็บไซต์ www.architecturefordogs.com ซึ่งออกแบบโดยนักออกแบบเวบระดับดาราเช่นเดียวกัน อย่าง Yugo Nakamura ซึ่งก็เป็นเว็บที่ทำออกมาได้ดีทีเดียว และในขณะนี้ในเว็บไซต์ก็เปิดให้ดาวน์โหลดทั้งหมดนี้ได้ฟรีๆ เพื่อเอาไปสร้างหรือประกอบกันได้ด้วยตัวเอง พร้อมกับยังเชิญชวนให้เอาไปสร้างให้น้องหมาของคุณแล้วส่งรูปมาแชร์กันในเว็บให้คนอื่นๆ ได้เห็นกันด้วย ในส่วนนิทรรศการ ‘Architecture for Dogs’ ได้จัดแสดงครั้งแรกไปแล้วในงาน Design Miami เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และประมาณกลางปี 2013 แบบทั้งหมด 13 ดีไซน์นี้ก็จะมีวางจำหน่ายไปทั่วโลกในรูปแบบเฟอร์นิเจอร์ knock-down นอกจากนี้ยังจะมีหนังสือตามมาในปลายปีหน้าด้วย
‘Architecture for Dogs’ หรือสถาปัตยกรรม ‘เพื่อสุนัข’ เป็นโปรเจกต์ที่มีประเด็นที่ชวนให้ตั้งคำถามหรือชวนถกเถียงอยู่มากทีเดียว และคำถามที่เราอยากถามนักออกแบบหลายๆ คนที่ออกแบบในโปรเจกต์นี้มากที่สุด ก็คือมันเป็นงานที่ทำเพื่อสุนัข หรือเพื่อสนองตัวเองกันแน่
Originally published in art4d No.199, December 2012-January 2013
CLICK IMAGE TO VIEW IN FULL SIZE
TEXT: NATRE WANNATHEPSAKUL
PHOTO: HIROSHI YODA