บ้านดินแดงอายุกว่า 27 ปี ที่ถูกบอกเล่าใหม่โดย Everyday Architect Design Studio แต่ยังคงความเป็นตัวเองไว้เหมือนเดิม
TEXT: PRATCHAYAPOL LERTWICHA
PHOTO: ANAWAT PETCHUDOMSINSUK
(For English, press here)
คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากการก้าวสู่ช่วงใหม่ของชีวิต จะทำให้ตัวตนสูญหายไป เมื่อ 27 ปีที่แล้ว ‘บ้านดินแดง’ เกิดขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณแบบ ‘สถาปนึก’ จากพื้นฐานความเป็นศิลปิน คุณพ่อเจ้าของบ้านปลูกบ้านขึ้นมาโดยไม่มีหลักการออกแบบครอบงำ หากแต่ปล่อยให้รายละเอียดโน่นนี่งอกเงยตามใจอยากให้เป็น บ้านจึงออกมาเป็นบ้านหน้าจั่วซ้อนหน้าจั่ว โครงหลังคาก็ลดหลั่นระดับไปมา มีการใช้เหล็กคานทำจันทัน ถึงจะไม่ใช่บ้านสถาปนิกทำ แต่ก็เป็นบ้านสถาปนึกที่มีลีลาเฉพาะตัว
27 ปีผ่านไป บ้านถึงเวลามีชีวิตใหม่ แม้จะต้องปรับรูปเปลี่ยนโฉมไป แต่สตูดิโอสถาปัตยกรรม Everyday Architect Design Studio ก็ไม่ทิ้งจิตวิญญาณ ‘สถาปนึก’ ให้หายไปไหน หากแต่ฉายภาพความสถาปนึกในบ้านใหม่ให้ชัดเจนเช่นเดิม

ผังบริเวณ

(ซ้ายบน) ผังพื้นชั้นหนึ่ง (ขวาบน) ผังพื้นชั้นสอง (ซ้ายล่าง) ผังพื้นชั้นสาม (ขวาล่าง) ผังหลังคา
จากเป็นที่พักพิงให้สมาชิกครอบครัวขยาย 5 คน พ่อ แม่ เจ้าของบ้าน น้องชาย และยาย บ้านกลายเป็นที่อยู่อาศัยหลักของเจ้าของบ้านคนเดียว ด้วยเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป บ้านจึงได้รับการปรับปรุงให้เหมาะกับวิถีชีวิตใหม่ของผู้อาศัยคนเดียว แนวกำแพงที่เคยแบ่งกั้นเกิดห้องย่อยหลายห้องที่ชั้นสองถูกทุบลงจนพื้นที่โปร่งโล่ง เหลือเพียงห้องโถงอเนกประสงค์ด้านหน้าบ้านและห้องนอนแขกที่ด้านหลัง เมื่อกำแพงอันตรธานหายไป พื้นที่ชั้นสองก็เปิดรับแสงและลมธรรมชาติได้เต็มที่ขึ้น ความทึบทึมที่เคยมีอยู่เดิมก็พลอยหายไปตามกัน
ชั้นบนสุดของบ้านกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว ประกอบด้วยห้องนอนพร้อมห้องน้ำในตัวและพื้นที่แต่งตัว ฝ้าห้องนอนตีด้วยแผ่นไม้ยางเพื่อทำให้พื้นที่ดูอบอุ่นสมกับการพักผ่อน เมื่อบวกกับผืนผนังที่ฉาบทาด้วยสีเขียวแล้ว บรรยากาศของห้องนอนก็ผ่อนคลายสบายตามากขึ้น พื้นที่แต่งตัวมีระเบียงที่เปิดออกไปรับทิวทัศน์ด้านนอก ซึ่งระเบียงนี้ยังเป็นพื้นที่ตากผ้า อำนวยความสะดวกให้เจ้าของบ้านใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายภายในชั้นเดียว

ห้องนอนชั้นสาม
สิ่งที่ตามมาตั้งแต่บ้านเก่าคือข้าวของกองพะเนิน ทั้งของใช้ส่วนตัว ของสะสมเก่าของพ่อและแม่ การปรับปรุงบ้านครั้งนี้จึงหมายถึงการจัดของเดิมให้เข้าที และเผื่อพื้นที่สำหรับข้าวของในอนาคตด้วย เนื่องจากงบการปรับปรุงบ้านที่มีจำกัด การสร้าง built-in เพื่อเก็บของโดยเฉพาะจึงไม่ใช่คำตอบ สถาปนิกย้อนกลับไปดูฐานข้อมูลวิธีเก็บห้อยของตามท้องถนนกรุงเทพฯ ที่เคยศึกษาไว้ แล้วจึงตัดสินใจหยิบท่อกลมมาใช้จัดการกับข้าวของพะรุงพะรัง
ท่อกลมสีส้มปรากฏตัวเป็นพระเอกในหลายที่ เป็นราวข้างบันไดที่ไหลตัวขึ้นเป็นราวจับ ไปเป็นราวแขวนเสื้อผ้าที่พื้นที่แต่งตัว หรือไปเป็นราวตากผ้าที่ระเบียงชั้นบนสุด เพราะท่อสีส้มพัฒนามาจากวิธีเก็บของที่เจอบนท้องถนน ที่คนธรรมดาหยิบของใกล้ตัวมาปรับใช้ตามใจนึก ท่อเหล่านี้จึงเก็บกลิ่นอายความเป็นบ้านสถาปนึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากท่อสีส้มสด บ้านยังห้อมล้อมด้วยสีสันสดใสทั่วอาณาบริเวณ สะท้อนคาแร็กเตอร์เจ้าของบ้านที่ชื่นชอบความมีชีวิตชีวา รั้วหน้าบ้านโดดเด่นด้วยสีเหลืองและแดง สีเขียวอมน้ำเงินบนผืนผนังชั้นสองตัดความร้อนแรงของรั้วลงทำให้ภาพภายนอกดูกลมกล่อม
องค์ประกอบใหม่ที่มากด้วยสีสัน อยู่อาศัยร่วมกันกับองค์ประกอบเก่าที่คงความเก๋าของบ้านเดิม เช่น โครงสร้างคานของพื้นไม้ที่เผยตัวให้เห็นหลังรื้อฝ้าออก ข้าวของบางอย่างที่เห็น เป็นการนำของเก่ามาปรับเปลี่ยนฟังก์ชันใหม่ เช่น บานตู้เสื้อผ้าเก่าที่กลับกลายมาเป็นบานประตู แม้องค์ประกอบทั้งหลายจะมีความแตกต่างกัน แต่กลับอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว
เมื่อบ้านใหม่ไม่ได้ออกแบบภายใต้ระบบไวยากรณ์หรือระเบียบการตกแต่งที่เคร่งครัด แต่ปล่อยให้ข้าวของทุกอย่างมีชีวิตชีวาในแบบของตัวเอง บรรยากาศของบ้านจึงออกมาสบายๆ เปิดพื้นที่ให้เจ้าของต่อเติมบ้านได้ตามใจ ลายผ้าม่านที่แขวนตกแต่งบริเวณต่างๆ จึงเป็นไปอย่างเจ้าของบ้านนึก แม้บ้านจะก้าวสู่ยุคใหม่ แต่ตัวตนความเป็นสถาปนึกก็ไม่หายไปจากเดิม
everydayarchitectdesignstudio.com
facebook.com/everydayarchitectdesignstudio