LOUIS VUITTON GINZA NAMIKI

WRAPPED IN THE WAVY WHIMSICAL FAÇADE, THIS LOUIS VUITTON STORE IS ANOTHER SPECTACULAR DESIGN FROM JUN AOKI AND PETER MARINO

TEXT: NATHANICH CHAIDEE
PHOTO: DAICI ANO

(For English, press here)

จะว่าไป สองข้างทางถนนในย่านกินซ่าก็เป็นเหมือนสวรรค์ของนักท่องเที่ยวสายสถาปัตยกรรม เพราะอาคารร้านค้ามักจะได้รับการปรับโฉมโดยดีไซเนอร์ระดับโลกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ วิวัฒนาการ และวงรอบของรีเทลร้านค้าในอดีตจนถึงปัจจุบัน และกำลังจะก้าวสู่อนาคตเป็นพลวัตเฉพาะตัวของย่านกินซ่า ที่ถ้าหากได้ไปเดินเที่ยว ก็ต้องขอไปเก็บแต้มเยี่ยมชมตึกใหม่ร้านใหม่ทุกครั้งไป

อาคารรีเทลหลังใหม่ของ Louis Vuitton Ginza Namiki เป็นการร่วมงานออกแบบระหว่าง Jun Aoki ชาวญี่ปุ่น และ Peter Marino สถาปนิกอเมริกัน ทั้งคู่เป็นขาประจำทำงานออกแบบรีเทลให้กับ Louis Vuitton หลายสาขาในญี่ปุ่น อย่างล่าสุดก็สาขา Flagship ที่ Osaka รูปทรงเรือใบที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่แล้ว และนี่ก็เป็นอีกครั้งกับการสร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตั้งแต่แรกเห็น ด้วยเปลือกนอกของอาคารที่พลิ้วไหวล้อเลียนกับอาคารเพื่อนบ้าน และสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

เพราะต้องการให้รีเทลแห่งนี้เป็นพื้นที่รวมสินค้าเอกซ์คลูซีฟของ Louis Vuitton แนวความคิดหลักสำหรับอาคารรีเทลแห่งนี้ คือภาพการสะท้อนของพื้นผิวน้ำ แรงบันดาลใจจาก Tokyo Bay ระลอกคลื่นจึงถูกตีความให้ปรากฏบนพื้นผิววัสดุประเภทต่างๆ เพื่อสร้างความรู้สึกงดงามแต่ขี้เล่น สะท้อนประกายเป็นจังหวะจะโคนเหมือนกับคลื่นน้ำ หยอกล้อไปกับอัตลักษณ์ของแบรนด์ กระจกจึงถูกหยิบมาเป็นวัสดุสำคัญสำหรับเปลือกอาคารส่วนนอกสุด 

façade อาคารทั้งหมดประกบกันด้วยกระจกสองชั้น กระจกชั้นนอกเป็น Dichroic Glass หรือกระจกเคลือบฟิล์มลามิเนตสะท้อนสีรุ้ง ซึ่งถูกดัดโค้งกระเพื่อมเป็นทรงคลื่นในแบบสามมิติ เมื่อผสานรวมเข้ากับคุณสมบัติการสะท้อนแสงของฟิล์มที่ให้มิติของสีที่หลากหลายก็ยิ่งทำให้คาแร็กเตอร์ของอาคารเด่นชัดขึ้นไปพร้อมๆ กับไดนามิกของย่านการค้าระดับลักชัวรี่อย่างกินซ่า

ความโค้ง คลื่นน้ำ และสีสัน ถูกส่งต่อเข้ามาถึงงานอินทีเรียร์ภายในรีเทล ใจกลางของอาคารเชื่อมต่อดับเบิ้ลสเปซด้วยบันไดวนทรงโค้ง โอบล้อมด้วยผืนผนังจากกระจกชั้นในที่สร้างบรรยากาศของคลื่นในทุกหนทุกแห่ง และตัวบันไดกรุไม้โอ๊คที่เปลี่ยนความรู้สึกให้เบาสบายเหมือนริบบิ้นที่พลิ้วไหวไปกับเส้นสายโดยรอบ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์รูปทรงโค้ง และองค์ประกอบสีสันแบบป๊อปครบทุกเฉดอย่างที่ดึงมาจากประกายรุ้งของเปลือกอาคาร 

ภายในอาคาร 7 ชั้นแห่งนี้ 4 ชั้นแรกรับหน้าที่เป็นชอปของ Louis Vuitton ส่วนชั้น 5-6 เป็นโซน VIC และ VIP Salon พร้อมกับมินิแกลเลอรี่สำหรับจัดแสดงชิ้นงานสุดพิเศษ และชิ้นงานคอลแลบกับศิลปินชื่อดังมากมายที่หาชมได้ยาก จนไปสิ้นสุดที่ชั้นบนสุด Le Café V และ Le Chocolat V ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่ Louis Vuitton ทำร้านช็อคโกแลต ทุกพื้นที่ภายในจึงเป็นการตีความ Louis Vuitton ผ่านมุมมองที่หลากหลายในมิติรอบตัว

www.aokijun.com/en/works/
www.petermarinoarchitect.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *