ON THE OCCASION OF THE 100TH ANNIVERSARY OF GUCCI, THE GLOBAL FASHION HOUSE BRAND HAS CONTINUED TO SHOWCASE THEIR CREATIVITY BY DELIVERING THE NEW EXPERIENCE THROUGH THE VIRTUAL EXHIBITION THAT SHOWCASES THEIR IDENTITY AND THE BRAND’S JOURNEY OVER THE PAST CENTURY
TEXT: PRATARN TEERATADA
PHOTO COURTESY OF GUCCI
(For English, press here)
แฟชั่นเฮ้าส์ระดับไฮเอนด์มักจะดึงพลังของศิลปะมาประกอบการเล่าเรื่องของแบรนด์ตัวเองเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานในการจัด window display หรือบางทีก็ร่วมทำสเปซใหม่ให้กับร้าน flagship store หลายๆ ครั้งก็ร่วมจัดนิทรรศการใหญ่ๆ ด้วยกัน รวมทั้งสะสมงานศิลปะราคาสูงๆ เป็นสมบัติส่วนตัวซึ่งหมายถึงเพิ่มมูลค่าของแบรนด์แฟชั่นในฐานะของตัวแทนแห่งรสนิยมอันสูงส่งไปในตัวด้วย อย่างเช่น Prada มีศิลปินระดับตัวท๊อปใน private collection ของตัวเองอยู่ไม่น้อย อาทิ Jeff Koons, Anish Kapoor, William N. Copley หรือ Louis Vuitton มีงานของ Henri Matisse, Andy Warhol และ Olafur Eliasson เป็นต้น
ในปี 2015 Alessandro Michele เข้ามารับตำแหน่ง creative director ให้กับ Gucci ดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียนผู้นี้มีชื่อเสียงในความเป็น maximalist ตัวยง เขายังมีหน้าที่ดูแลคอลเลคชั่นต่างๆ ของแบรนด์ และ global brand image โดยตรง การมาของเขานำมาซึ่งสัญลักษณ์ที่แฟนตาซีและสิงห์สาราสัตว์ต่างๆ ที่ถาโถมสู่แบรนด์ Gucci รวมไปถึงการเปิดตัว Gucci Garden ที่ฟลอเรนซ์ ซึ่งเปรียบดังจักรวาลของ Gucci ที่เป็นทั้ง ร้านหนังสือ ร้านอาหาร แกลเลอรี่ และบูทีคสโตร์
และในโอกาสครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ที่ดันมาตรงกับสถานการณ์โควิด-19 พอดี Gucci เลือกที่จะไม่จัดปาร์ตี้รวมคนแฟชั่นให้เป็นข่าวครึกโครมดังที่เคยทำมา แต่นำเสนอเป็นนิทรรศการที่สามารถเข้าชมทางออนไลน์ได้ในชื่อ Gucci Garden Archetypes ที่จำลองตัวตนและเส้นทางการเดินทางของแบรนด์ตลอดหนึ่งศตวรรษของแฟชั่นเฮ้าส์เก่าแก่แห่งนี้แทน คอนเทนต์ภายในนิทรรศการนั้นเลือกที่จะเล่าเรื่องแคมเปญของแบรนด์ 15 แคมเปญ เริ่มต้นด้วยแคมเปญลิปสติกจาก Gucci Beauty ถ่ายทอดผ่านมุมมองของ Dani Miller นักร้องสาวพังค์ผู้ฉีกทุกกฎเกณฑ์ของวงการแต่งหน้า Gucci Bloom สวนในจินตนาการที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิด มี Dakota Johnson, Petra Collins และ Hari Nef เป็นตัวแทนของสาวยุคโมเดิร์นและเต็มไปด้วยความอิสระเสรี
แคมเปญอื่นๆ ที่น่าพูดถึงยังมี Pre-Fall 2017 เป็นการเฉลิมฉลองให้กับวัฒนธรรมของคนผิวสี ถ่ายทอดออกมาผ่านการเต้นในคลับหรู Pre-Fall 2018 เป็นธีมหนุ่มสาวปารีเซียง เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ประท้วงในฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษภาคม 1968 มีทักษะการเล่าเรื่องด้วยศิลปะกราฟฟิตี้ที่เต็มไปด้วยถ้อยคำภาษาฝรั่งเศส หรือ Spring / Summer 2018 นำเสนองานเพ้นท์ของ Ignasi Monreal ที่ระบายสีจากพื้นถึงเพดานและยังประดับด้วยเรื่องแวววาวเป็นประกายกว่า 150,000 เม็ด นอกจากนี้ยังมี Fall-Winter 2018 : Gucci – Collectors, Spring – Summer 2016 : Rebellious Romantics, Spring – Summer 2018 :Hallucination และ Spring – Summer 2020 : Of Course a Horse เป็นต้น
ศิลปะกับแฟชั่นยังคงทำหน้าที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน สำหรับผู้มาเยือนสวนของ Gucci แห่งนี้ ย่อมจะได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมเดินทางค้นหาพลังสร้างสรรค์และสปิริตขี้เล่นซึ่งเป็นเสน่ห์ของแบรนด์จากเมืองฟอร์เรนซ์แบรนด์นี้ได้อย่างอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน ไปเที่ยวทิพย์กันได้เลยที่ virtualtourguccigarden.gucci.com