Trimode Studio ส่งต่อดีเอ็นเอความประณีตและความใส่ใจในอาหารทุกจานของ ไก่ทอง ออริจินัล ด้วยการดีไซน์ร้านภายใต้คอนเซปต์ ‘ความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติสู่มนุษย์’ ที่แฝงความพิถีพิถันไว้ในทุกดีเทลการออกแบบและสร้างประสบการณ์ของสเปซที่แตกต่างและน่าจดจำ
TEXT: NATHANICH CHAIDEE
PHOTO: KETSIREE WONGWAN EXCEPT AS NOTED
(For English, press here)
ไก่ทอง ออริจินัล เป็นที่รู้จักในฐานะร้านอาหารสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนอันแสนอบอุ่น ด้วยแนวความคิดหลักตั้งแต่เริ่มต้นทำสาขาแรกที่มอบความใส่ใจในทุกจานอาหารเหมือนกับการแสดงความรักผ่านความประณีตและการจัดสรรอย่างดีให้กับลูกค้า ความรู้สึกเหล่านี้เองที่ Trimode Studio นำมาแปลความเป็นภาพในเชิงพื้นที่และความรู้สึกภายในร้าน ไก่ทอง ออริจินัล สาขาใหม่ที่ Central Embassy
ทีม Trimode Studio เคยได้รับโจทย์ในการออกแบบร้านไก่ทอง ออริจินัลก่อนหน้านี้มาแล้วสองสาขาที่เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เมื่อมาถึงสาขาที่ 3 แห่งนี้ จึงหยิบเอาความประณีตที่เป็นดีเอ็นเอของร้านมาปรับจากความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูก มาเป็นความสัมพันธ์ระหว่างธรรมชาติสู่มนุษย์ “เพราะธรรมชาติแวดล้อมเราอยู่ และโอบอุ้มชูให้มนุษย์ดำรงชีวิตได้ ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นความรัก แต่ก็เป็นความโอบอ้อมอารีอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน”
จากนั้นเมื่อมาถึงไซต์งานจริงบนห้างสรรพสินค้า ด้วยพื้นที่ซึ่งล้อมรอบผนังกระจกเปิดรอบสามด้าน แสงธรรมชาติและแสง Indirect Light จึงเป็นโจทย์หลักที่ใช้ในการจัดสรรพื้นที่และสร้างความรู้สึกให้สอดประสานไปกับแนวความคิดตั้งต้น พร้อมกับ Forenoon ที่เป็นนิยามตั้งตั้นสำหรับการทำงานออกแบบ
“Forenoon หรือแสงยามเช้าก่อนเที่ยง แสงที่ถูกคลี่ออกมาจากแสงสีต่างๆ เหมือนกับเราเริ่มต้นวันใหม่ แสงที่เข้ามาทั้งสามด้าน ทำให้เราอยากเปิดให้ช่องแสงเหล่านั้นให้ทำงานทั้งหมด ดังนั้น เสาและพื้นที่ภายในเราจึงใช้วิธีการจากธรรมชาติเข้ามาเล่าเรื่อง ด้วยการใช้เส้นทรงโค้งในการแก้ปัญหาเสาไปพร้อมกับสร้างความรู้สึกโอบอุ้มผ่านเส้นสายแบบออร์แกนิก ฟังก์ชั่นที่เกิดขึ้นจึงเหมือนเป็นโถงถ้ำซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่สร้างขอบเขตด้วยธรรมชาติ แสงและเงาที่เกิดขึ้นภายในจึงทำงานผ่านการสอดประสานทั้งหมดเหมือนกับโอบอุ้มเราอยู่”
หลังจากได้ไอเดียในการจัดการขอบเขตของพื้นที่แล้ว ก็เป็นเรื่องของการจัดการฟังก์ชั่นภายในที่สร้างความรู้สึกต่างกันในแต่ละโซนผ่านรูปแบบของแสงที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่แสงธรรมชาติจากภายนอก แสงภายในที่ใช้แสง daylight ซ่อนใต้ผนัง รวมทั้งแสงสปอตสำหรับโฟกัสอาหารบนโต๊ะ
ความน่าสนใจเบื้องหลังทรงโค้งเหล่านี้ คือเทคนิคที่ทางทีม Trimode Studio เคยทดลองและพัฒนามาก่อนเมื่อนานมากแล้วในฟอร์มของเฟอร์นิเจอร์ และครั้งนี้เป็นโอกาสที่ได้หยิบเอาเทคนิคนี้กลับมาใช้งานอีกครั้งในสเกลที่ใหญ่ขึ้นคือครอบคลุมพื้นที่ภายในทั้งหมด ภายใต้ข้อจำกัดของเวลาในการออกแบบก่อสร้างภายในห้างสรรพสินค้า
Photo courtesy of Trimode Studio
“เพราะเป็นเทคนิคที่ผู้รับเหมาไทยไม่ค่อยคุ้นชิน กระบวนการทดลองในแง่ก่อนก่อสร้างจริงจึงสำคัญมาก เราต้องปรินท์สามมิติขึ้นมาก่อน เช็คสเปซ แล้วปรินท์โฟมมาเช็คอีกทีในเรื่องความแข็งแรงแต่ละจุด หลังจาก CNC เสร็จ เราก็ใช้เทคนิคการพ่นคอนกรีตเพื่อให้เกิดความหนาของคอนกรีตขึ้นมาเป็นชั้นๆ แล้วสุดท้ายก็ใช้ผงหินธรรมชาติฉาบกดเกรียงเป็น finishing ซึ่งต่อให้วางแผนตั้งแต่การเซ็ตติ้ง เตรียมพื้นที่หน้างาน ยกชิ้นงานไปประกอบ ก็ต้องไปจบที่การคราฟต์หน้างานอยู่ดี”
นอกจากการจัดสรรพื้นที่ เฟอร์นิเจอร์เองก็ถูกออกแบบให้ล้อเลียนไปกับเส้นโค้งของสเปซเพื่อทำให้โปรเจ็คต์ภาพรวมแตกต่างและเป็นที่จดจำ รวมทั้งถ่ายทอดรายละเอียดของความประณีตออกมาได้ในทุกจุดของร้าน
Photo courtesy of Trimode Studio
อีกส่วนหนึ่งที่เป็นร้านชูโรงของไก่ทอง ออริจินัลคือส่วน The Dessert ที่เพิ่มสีสันของของหวานขึ้นอีกนิดภายใต้นิยามของ Forenoon ใช้เทคนิคพิเศษเล่นกับการไล่สีของแสงธรรมชาติ เน้นไปทางสีเทา Silver ให้ความรู้สึกเย็นเหมือนกับน้ำแข็ง เจือด้วยแสงสีชมพูอมม่วงเพื่อดึงคาแร็กเตอร์ของขนมหวานของแบรนด์ ‘ไก่ทอง ออริจินัล’ ให้โดดเด่นออกมา ร่วมไปกับการเน้นสีและพื้นผิวของภาชนะให้เป็นผิว Satin ให้เหมือนมีความเย็นอยู่ตลอด
Photo courtesy of Trimode Studio
เราถามถึงงานในเชิงพาณิชย์กับการทำงานที่ละเอียด คิดเยอะขึ้นแบบนี้แล้ว สุดท้ายลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้บริการจะได้รับอะไรกลับไป? คำตอบนั่นคือ คุณค่าและประสบการณ์ในการใช้พื้นที่ซึ่งซ่อนแฝงอยู่ในทุกดีเทลภายในร้าน “ความประณีต ความพิถีพิถัน หรือสกิลงานต่างๆ ถูกซ่อนไปในกระบวนการออกแบบและก่อสร้างขึ้นมา เวลาที่เขาเข้าไปสัมผัสจะรู้สึกถึงความแตกต่าง ไม่คุ้นชินเหมือนกับงานแบบเดิมๆ ผ่านความเนี้ยบจากการใช้วัสดุเดียว เพื่อให้ถ่ายทอดนัยลึกๆ ในแก่นของกระบวนการออกแบบให้ลูกค้าได้รับรู้ผ่านคุณค่าที่สัมผัสได้ด้วยตัวเอง”