art4d พูดคุยกับ วิทสุวัฒน์ อำคาเพท กรรมการผู้จัดการบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ถึงที่มาที่ไปและเป้าหมายในอนาคตของ art space แห่งใหม่ ที่ตั้งใจเป็นสถานปล่อยของสำหรับศิลปินไทยรุ่นใหม่
TEXT: KAMOLTHIP KIMAREE
PHOTO COURTESY OF METRO ART
(For English, press here)
ศิลปะเป็นสิ่งที่ช่วยสะท้อนความเป็นไปและเรื่องราวในแต่ละยุคสมัยได้อย่างแยบคาย หลายครั้งที่ศิลปะนั้นมีอิทธิพลต่อสังคมและสร้างแรงกระเพื่อมลูกใหญ่ในแต่ละเหตุการณ์สำคัญได้อย่างทรงพลัง ช่วงหลายปีที่ผ่านมาพื้นที่ทางศิลปะและแกลเลอรี่ต่างๆ ถือได้ว่าเติบโตขึ้นอย่างมาก ทำให้วงการศิลปะในบ้านเราคึกคักมากขึ้นจากพลังสร้างสรรค์ของศิลปินทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ด้วยพลังแห่งความสร้างสรรค์นี้เองทำให้บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (BEM) ผู้ดูแลระบบการเดินรถไฟฟ้า MRT (สายสีน้ำเงินและสีม่วง) และบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ (BMN) ผู้ให้บริการสื่อโฆษณาและพื้นที่จัดกิจกรรมในระบบรถไฟฟ้า เล็งเห็นถึงศักยภาพของ ‘พื้นที่ทางศิลปะ’ จึงเป็นที่มาของ Metro Art : The Inspiring District ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา art4d พูดคุยกับ วิทสุวัฒน์ อำคาเพท กรรมการผู้จัดการบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ถึงที่มาที่ไปของ Art Space แห่งใหม่ที่รถไฟใต้ดินสถานีพหลโยธินแห่งนี้
art4d: ทำไมถึงคิดที่จะสร้าง Art Space ขึ้นที่สถานีรถไฟใต้ดิน
WITSUWAT AMKAPHET: ผมเห็นเยาวชนสนใจเรื่องของศิลปะมากขึ้น ในหลายๆ พื้นที่มีนิทรรศการศิลปะแสดงอยู่ เราเห็นความสามารถของเยาวชนไทยที่แสดงออกในพื้นที่ต่างๆ และมองว่าเรามีพื้นที่เยอะในระบบรถไฟฟ้าของเรา เราก็เลยคิดว่าเราอยากทำพื้นที่เหล่านี้ให้เกิดประโยชน์ต่อเยาวชนหรือกลุ่มคนที่ชื่นชอบงานศิลปะ เป็นการสร้างโอกาสและมอบโอกาสให้ได้แสดงความสามารถ ซึ่งมีศิลปินไทยที่มีความสามารถเยอะมากๆ และเราก็พิจารณาในเชิงผลงานและเห็นว่าถ้าเราสร้างพื้นที่ตรงนี้เป็น art destination หรือ art community ก็น่าจะมีศิลปินที่สนใจมาร่วม หรือใครที่มีของแต่ไม่มีพื้นที่ให้ปล่อยเราก็อยากหยิบยื่นโอกาสให้น้องๆ กลุ่มนี้ เลยเป็นที่มาของ art destination ตรงนี้ และเราโฟกัสที่ศิลปินไทยเป็นหลัก
art4d: เห็นว่าเปิดให้มีการซื้อขายผลงานในพื้นที่ด้วย คุณมีวิธีการจัดการตรงนี้ต่างหรือเหมือนกับแกลเลอรีศิลปะอื่นๆ ยังไง
WA: จริงๆ การซื้อขายจะเป็นศิลปินซื้อขายเองเลย เราไม่มีรายได้จากตรงนี้ ผลงานที่ขายตรงนี้ก็คือเก็บเข้ากระเป๋าเลย อย่างที่บอกว่าเรามอบและสร้างโอกาสให้กับศิลปินรุ่นใหม่เพื่อมาแสดงฝีมือ และในแง่ของความเป็นมีเดียเราก็ช่วยโปรโมทผลงานว่าแต่ละคนมีความสามารถแบบไหนยังไงในช่องทางต่างๆ ของเราทั้งออนไลน์และมีเดียในระบบรถไฟฟ้า
art4d: เรียกได้ว่าเป็นงานบุญ ไม่ได้เอามูลค่าทางเศรษฐกิจหรือผลกำไรมาเป็นตัวตั้ง
WA: เป็นงานการกุศลมาก เรามองว่าเป็นการช่วยปั้นศิลปินรุ่นใหม่ให้มีโอกาสทางอาชีพที่ดี ให้มีชื่อเสียงเหมือนศิลปินแนวหน้าของไทย ศิลปินที่เราเชิญมาร่วมงานจะไม่ใช่คนที่เป็นตัวท็อปแล้ว แต่เป็นคนที่เป็นดาวรุ่งรุ่นใหม่ อย่างศิลปินที่เป็นไฮไลต์ของซีรีส์แรกนี่จะเป็น PRJ และ The Jum ซึ่งเป็นแนว Street Art ถ้าพูดในแง่ของ core business เราเลยคือเราเดินรถและทำรายได้จากค่าโดยสารเป็นหลัก เราไม่ได้กำไรจากการปล่อยเช่าพื้นที่ สิ่งที่เราทำนี้เราถือว่าเรา add value ให้ผู้โดยสารระหว่างทาง ตามแท็กไลน์ของเราก็คือ Happy Journey with BEM อย่างสถานีพหลโยธินนี้เราให้มี Art destination แต่ขณะเดียวกันในสถานีอื่นๆ ก็มีอย่างอื่นแล้วแต่คาแร็กเตอร์ของพื้นที่นั้นๆ
art4d: จัดการกับพื้นที่ยังไงในแง่ของฟังก์ชัน
WA: เราทำให้เป็นพื้นที่นิทรรศการหมุนเวียน แต่ว่าภาพรวมก็คือศิลปินเค้าเป็นเจ้าของสเปซ พื้นที่จะแบ่งเป็นสองฝั่งคือฝั่ง South กับ North ผลงานก็จะมาทั้งในรูปแบบ wall paint แบบ sculpture หรือตัวคาแร็กเตอร์ ต่างๆ ที่อยู่ในห้องจัดแสดง นอกจากนี้ยังมีส่วนที่เป็น inspiring space ที่เป็นการสอนศิลปะในเชิงไลฟ์สไตล์ สอนเสร็จมี certificate มอบให้ ในขณะที่โถงกลางจะเป็นตลาดศิลปะตรงพื้นที่ทางเดินโดยเป็นพวก DIY ซึ่งตลาดนี้จะมีธีมที่เราจัดแต่ละอาทิตย์คอนเซ็ปต์ไม่เหมือนกัน หรือแต่ละเดือนก็จะมีคอนเซ็ปต์ต่างกันไป ซึ่งพื้นที่เหล่านี้เราก็ไม่คิดค่าใช้จ่ายเช่นเดียวกัน เพราะเราอยากส่งเสริมให้เกิดเป็น community ขึ้นมา
art4d: มีการคัดเลือกศิลปินอย่างไร
WA: เราทำงานร่วมกับ curator มืออาชีพ และในช่วงของศิลปินของแต่ละซีรีส์เราจะจัดให้มี signature event ในสามเดือนก็จะมีหนึ่งครั้ง เป็นงานสนุกๆ มีดนตรี มีการเสวนา สร้างเน็ตเวิร์ค ในลักษณะ meet & greet ด้วย
art4d: คุณคิดว่าพื้นที่ศิลปะในลักษณะนี้จะส่งผลต่อคนในเมืองอย่างไร
WA: ผมมองว่าศิลปะไม่ทำร้ายใคร มันอยู่ที่ว่าเราไปเสพศิลปะในรูปแบบไหนเพื่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเองมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นแขนงไหนก็ตาม การมีพื้นที่จะทำให้เราได้เสพบรรยากาศ ได้เห็นของจริง ไม่เหมือนกับตอนที่เริ่มทำโปรเจ็คต์นี้ในช่วงโควิดที่คนเสพศิลปะได้เฉพาะออนไลน์ และที่สำคัญคือเดินทางสะดวกแน่นอน