กรอบประตูหน้าต่างจากวัสดุ uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride) สูตรพิเศษโดย WINDSOR ถูกคิดค้นด้วยนวัตกรรม Ultimate Protection ที่ครอบคลุมการปกป้องพื้นที่ภายในอย่างรอบด้าน และมีดีไซน์ที่หลากหลาย
TEXT: NATHATAI TANGCHADAKORN
PHOTO COURTESY OF WINDSOR
(For English, press here)
ประตูและหน้าต่างเป็นองค์ประกอบที่เราใช้งานทุกวันในอาคาร ทั้งการเปิด ปิด แง้ม เลื่อน ซึ่งแม้จะเป็น อาคารที่ไม่มีผู้คนเข้าไปใช้งาน ตราบใดที่ประตูหน้าต่างยังสัมผัสกับโลกภายนอกและปกป้องสิ่งที่อยู่ภายใน มันก็กำลังถูกใช้งานอยู่ดีนั่นเอง ความจริงข้อนี้ทำให้วัสดุของประตูหน้าต่าง รวมไปถึงกรอบบานและ วิธีการติดตั้งเป็นจุดที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมากสำหรับเจ้าของบ้านและนักออกแบบ
วัสดุที่ WINDSOR แบรนด์ประตูหน้าต่างในเครือ SCGC ใช้เป็นหลักในการพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ คือไวนิลสูตรพิเศษ uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride) ซึ่งคิดค้นด้วยนวัตกรรม Ultimate Protection ที่สามารถป้องกันได้ทั้งเสียง ความร้อน การรั่วซึม และฝุ่น เริ่มจากคุณสมบัติลดทอนเสียงรบกวนจากภายนอกได้ถึง 32 เดซิเบล ดีกว่าอลูมิเนียมทั่วไป 40% (ผลการทดสอบตามมาตรฐานสากล ASTM E90)
ถัดมาคือคุณสมบัติป้องกันความร้อน กรอบประตูหน้าต่างจากไวนิลสูตรพิเศษสามารถลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอกได้ดีกว่าอลูมิเนียมและไม้ และมีส่วนผสมของสารช่วยสะท้อนรังสียูวี (UV Stabilizer) จึงเหมาะต่อการใช้งานในสภาพอากาศของเมืองไทย นอกจากนี้ ปัจจัยอีกข้อหนึ่งที่ทำให้วัสดุนี้ข้อได้เปรียบกว่าวัสดุอื่นๆ คือการเชื่อมมุมด้วยความร้อนจากโรงงานผลิตซึ่งส่งผลให้รอยต่อเป็นเนื้อเดียวกันทั้งหมด เมื่อรวมกับยาง EPDM ซีลสองชั้นที่มาพร้อมกรอบประตูหน้าต่าง ก็หมดปัญหารั่วซึมและเสียงดังเล็ดลอด
นวัตกรรมนี้สามารถป้องกันน้ำฝนและอากาศรั่วซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน มอก. Class 5 ที่ความดัน 300PA และมีโครงสร้างแข็งแรง ต้านทานแรงลมได้ที่ 2000PA (ทดสอบใน SMART Series) มีความคงทนต่อแดดและฝน ทำความสะอาดกรอบบานได้ง่าย ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน วงกบของ WINDSOR ยังออกแบบมาพร้อมบัวตัดน้ำในตัวที่ช่วยลดปริมาณน้ำที่ปะทะกรอบบาน ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และป้องกันปัญหาปลายเหตุควบคู่กันอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความสวยงามซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักออกแบบทุกคนต้องคิดเมื่อถึงเวลาตัดสินใจ กรอบประตูหน้าต่าง WINDSOR ก็มีผลิตภัณฑ์หลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์งานดีไซน์ได้อย่างยืดหยุ่น อย่างรุ่น SIGNATURE ที่มีขอบเขตการใช้งานกว้างขวางจากการขยายศักยภาพจนกรอบสูงได้ถึง 3 เมตร และกว้างได้ถึง 5.6 เมตรในรุ่น SIGNATURE PRO จึงเหมาะกับสถาปัตยกรรมที่ต้องการเปิดมุมมองภายนอกให้ผู้ใช้งานภายใน
นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีฟิล์มลามิเนตคุณภาพสูงจากเยอรมนี พร้อมเทคโนโลยี PUR Hot Melt Adhesive ซึ่งช่วยให้ฟิล์มลามิเนตติดแน่นคงทน ทำให้ WINDSOR สามารถมอบผิวสัมผัสและรูปลักษณ์ของไม้จริงให้ผู้ใช้งานได้โดยไม่ถูกจำกัดจากวัสดุอีกด้วย อาทิ สีทีค (Amber Teak) และสีวอลนัท (Dark Walnut)
อีกรุ่นที่น่าสนใจคือรุ่น RIGHT ซึ่งมีความพิเศษคนละแบบ โดยรุ่นนี้วงกบได้รับการออกแบบให้มีขนาด 8 เซนติเมตร พร้อมรางมุ้งในตัว ซึ่งถูกคิดมาเพื่อตอบงานออกแบบสไตล์โมเดิร์นโดยเฉพาะ และมีตัวเลือกสีมากถึง 5 สี คือ สี Brilliant Black, สีเทา Modern Grey, สีขาว Glorius White, สีขาว-ดำ Dual และสีเทากราไฟต์ Graphite Grey บ่งบอกว่าแม้สไตล์โมเดิร์นจะเน้นความเรียบง่าย ก็ไม่ใช่ว่าจะมีตัวเลือกน้อยนิดเสมอไป
ส่วนรุ่น RIGHT XTEND ที่พัฒนาต่อมาในซีรีส์ RIGHT ก็มีตัวเลือกขนาด 10 เซนติเมตร ที่พอดีกับความหนาผนังก่ออิฐฉาบปูนมาให้เลือกใช้งาน รุ่นนี้สามารถรองรับความหนากระจกได้สูงสุด 10 มม. และยังรองรับความสูงได้ถึง 2.7 เมตร รวมถึงมีระบบกุญแจล็อก 6 พิน และการเสริมอุปกรณ์ป้องกันการยกบานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยไปอีกขั้น
หรือหากเป็นบ้านที่เน้นความสะดวกรวดเร็วและความครบครัน WINDSOR ก็มีรุ่น READY กรอบหน้าต่างแบบสำเร็จรูปที่มาพร้อมมุ้งกันแมลงไวนิล โดยมีรูปแบบบานที่หลากหลายครอบคลุมบ้านทั้งหลัง เหมาะกับงานรีโนเวทและงานที่ต้องการความเรียบง่าย ใช้ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นบานเปิด บานเลื่อน หรือบานกระทุ้ง
ประตูและหน้าต่างสามารถส่งผลต่อภาพรวมของสถาปัตยกรรมได้อย่างมาก พวกมันเป็นทั้งหน้าตาที่เสริมให้สถาปัตยกรรมมีความสวยงามและเป็นองค์ประกอบที่คอยปกป้องตัวอาคาร WINDSOR จึงตั้งใจมอบคุณสมบัติทั้งสองด้านให้แก่ผู้ใช้ เสริมด้วยความปลอดภัยจากระบบล็อกหลายจุด (Multipoint Lock System) และความคุ้มค่าที่ตามมาจากการผลิตที่มีมาตรฐานสูง