ชื่อสตูดิโอที่เป็นภาษาเหนือของไทยสะท้อนประสบการณ์และความชำนาญที่มุ่งมั่นออกแบบผลงานให้มีความร่วมสมัย แต่คงรากเหง้าของความเป็นพื้นถิ่น
TEXT: RAPEEPAT KEAWTHIP
PHOTO: RAPEEPAT KEAWTHIP EXCEPT AS NOTED
(For English, press here)
WHO
ระพีพัฒน์ แก้วทิพย์ ชื่อเล่น ปูน ปัจจุบันเป็นช่างไม้และดีไซเนอร์อิสระ
WHAT
เราตั้งชื่อว่า MUEJA ภาษาเหนือคือ ‘มือจา’ แปลว่า มือสาก เพราะคนที่ทำงานฝีมือที่เซียนๆ ส่วนมากก็จะมือสากกันทั้งนั้นเพราะใช้มือในการทำงานมาทั้งชีวิต เราชอบที่คำมันน่ารักดี เลยกลายเป็นชื่อนี้
WHEN
หลังเรียนจบตอนปี 2021 ตอนนั้นเกิดโควิดพอดี ด้วยความที่ไม่อยากทำงานออฟฟิศ แต่สนใจงานช่างมากกว่า เราเลยกลับบ้าน แล้วก็เลยลองเริ่มทำเฟอร์นิเจอร์ขายบน Instagram อาศัยศึกษาเทคนิคจาก YouTube แล้วก็ฝึกตัวเองมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้
WHERE
โรงจอดรถในบ้านที่เชียงใหม่
WHY
เราชอบทำงานช่างอยู่แล้ว แล้วก็คิดว่าในปัจจุบันในไทยมีคนทำงานในรูปแบบนี้น้อย เราก็น่าจะพอไปในทางนี้ได้ ทำแล้วมีความสุข ได้อยู่ที่บ้านกับครอบครัว
คุณนิยามสไตล์การออกแบบของตัวเองไว้อย่างไร
เราอยากให้งานเรามีความร่วมสมัย แต่ก็ยังมีรากของความเป็นพื้นถิ่นอยู่ในงานด้วย
อะไรคือแรงบันดาลใจและหลักการในการทำงานแต่ละครั้ง
ส่วนใหญ่มาจากรากของเราที่เป็นคนเชียงใหม่ มาจากสิ่งของเครื่องใช้ ธรรมชาติ ภูเขาป่าไม้ ความชอบมันสะสมมาโดยที่เราไม่รู้ตัวสุดท้ายสิ่งเหล่านี้ก็จะเข้าไปผสมอยู่ในงาน หลักการทำงานแต่ละครั้งคือเราก็ตั้งใจทำออกมาให้ดี พยายามแก้ไขจุดที่บกพร่อง แล้วก็พัฒนามันไปเรื่อยๆ
โปรเจ็กต์ไหนที่คุณภูมิใจมากที่สุด เพราะอะไร?
ภูมิใจพอๆ กันเลยครับ เพราะมันก็ค่อยๆ โตตามทางของมันช้าๆ ตามเวลาและฝีมือของเราด้วย แต่ถ้าให้เลือกก็คงเป็น D.I.Y. Pavilion เพราะเป็นโปรเจ็กต์ที่ D.I.Y. มาก ทำกันสองคนกับพี่ก้อง (เจ้าของร้าน Ku Bar) มีพี่มาย (@methineemeeluea) มาช่วยเย็บผ้าใบและก็มีเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เชียงใหม่ช่วยกัน เป็นอะไรที่บ้ามาก ทั้งยกไม้ขึ้นตึกชั้น 4 ปีนนั่งร้านสูงๆ แต่ทำกันแค่สามสี่คน นึกย้อนกลับไปก็ยังงงอยู่ว่าทำไปได้ยังไง
คุณชอบขั้นตอนไหนระหว่างทำงานมากที่สุด?
ตอนส่งงานเสร็จแล้วได้รับเงิน เราแฮปปี้ลูกค้าแฮปปี้ครับ (หัวเราะ)
ถ้าคุณสามารถเชิญ ‘ครีเอทีฟ’ สักคนไปดื่มกาแฟด้วยกันได้ คุณจะเลือกใครและทำไม
ไม่กล้าชวนใครเลยครับ เพราะไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไร เราชวนคุยไม่ค่อยเก่ง วันๆ ทำแต่งานไม้อยู่คนเดียว แต่ถ้าให้ชวนก็คงเป็นเพื่อนๆ พี่ๆ ในเชียงใหม่ที่เรารู้จัก เพราะคุยกันรู้เรื่องและได้แลกเปลี่ยนความคิดใหม่ๆ เสมอ แต่ดื่มกาแฟเสร็จก็คงชวนไปดื่มอย่างอื่นด้วย (หัวเราะ)