SLABTITUDE

วสุ วิรัชศิลป์ สถาปนิกผู้ก่อตั้งสตูดิโอ VasLab ถ่ายทอดตัวตนออกมาผ่านดีไซน์ของคาเฟ่ Slabtitude ที่มีทั้งเส้นสายของอาคารอันโฉบเฉี่ยว การผสมผสานระหว่างวัสดุไม้และคอนกรีต และโต๊ะไม้ขนาดใหญ่กลางอาคารอันโดดเด่น ที่ดูราวกับกำลังลอยอยู่กลางอากาศได้อย่างมหัศจรรย์

TEXT: PRATCHAYAPOL LERTWICHA
PHOTO: WORARAT PATUMNAKUL

(For English, press here

วสุ วิรัชศิลป์ (Vasu Virajsilp) สถาปนิกผู้ก่อตั้งสตูดิโอ VasLab เป็นสถาปนิกที่มีลายเซ็นการออกแบบอันโดดเด่นและเฉพาะตัว รูปแบบที่เห็นได้ชัดเจนในผลงานของวสุก็คือ การใช้เส้นสายของอาคารอันโฉบเฉี่ยว ผสมผสานการใช้วัสดุอันหนักแน่นเช่นคอนกรีต พร้อมสอดแทรกด้วยไม้ วัสดุโทนอบอุ่นที่ช่วยลดความแข็งกร้าวของดีไซน์ นอกจากอาคารออฟฟิศ VasLab จะเป็นผลงานที่แสดงตัวตนของวสุได้ดีที่สุดงานหนึ่งแล้ว Slabtitude คาเฟ่ที่เขาเปิดใหม่บริเวณด้านหน้าออฟฟิศ ยังเป็นอีกสถานที่ที่บ่งบอกตัวตนของเขาออกมาได้ดีเช่นกัน

Slabtitude เกิดขึ้นจากไอเดียของวสุที่อยากปรับเปลี่ยนพื้นที่ว่างด้านหน้าออฟฟิศ หลังจากตกตะกอนสักพักว่าจะทำให้พื้นที่นี้เป็นอะไร ก็มาลงเอยที่คาเฟ่ เพราะนอกจากคาเฟ่จะเป็นพื้นที่ให้คนในออฟฟิศได้มาคุยงานหรือนั่งเล่นแบบสบายอารมณ์แล้ว มันยังตอบไลฟ์สไตล์ของวสุที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย

สำหรับต้นกำเนิดของชื่อ ‘Slabtitude’ วสุบอกว่ามีที่มาจากคอมเมนต์ช่างภาพชาวต่างชาติบนโพสต์ภาพถ่ายออฟฟิศของเขาใน instagram จาก caption เดิมของวสุที่เขียนต้อนรับวันใหม่ว่า ‘start off the day with gratitude’ ช่างภาพท่านนี้ก็พลิกแพลงเป็น ‘start off the day with slabtitude’ เมื่อวสุเห็นก็รู้สึกถูกใจในทันที และมองว่า ‘slabtitude’ เป็นคำที่บ่งบอกตัวตนของเขาผมว่าคำที่เขาเปลี่ยนมามันเท่มาก เพราะเราชอบงานที่เป็น slab ไม่ได้มีหลังคา และได้ความรู้สึกที่หนักแน่น เลยเอาคำนี้มาตั้งชื่อคาเฟ่” 

ความเป็น ‘slabtitude’ ถูกถ่ายทอดลงในงานดีไซน์คาเฟ่ผ่านการเปลือยผิวคอนกรีต รวมไปถึงโต๊ะไม้ขนาดยาวตรงกลางที่มีรูปทรงฉวัดเฉวียน และดูเหมือนกำลังลอยอยู่กลางอากาศได้อย่างมหัศจรรย์ โดยโต๊ะไม้ตัวนี้เป็นผลผลิตจากการร่วมมือกันระหว่าง สตูดิโอ VasLab และ Thick and Thin Studio สตูดิโอผู้เชี่ยวชาญงานไม้

โต๊ะทำมาจากไม้เต็งบาเลา (Balau) ยาวขนาด 7 เมตร ที่ Thick and Thin นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย วสุนำไม้ยาว 7 เมตร นี้มาเหลาจนได้รูปทรงไดนามิกตามสไตล์ของ VasLab และนำไม้นี้มาวางยื่นออกจากเคาน์เตอร์ 5 เมตร โดยใช้โครงสร้างเหล็กมาช่วยรับน้ำหนักของตัวไม้ และยึดไม้ส่วนที่เหลือเข้ากับโครงสร้างที่ซ่อนด้านในเคาน์เตอร์ แม้โต๊ะไม้ยาว 7 เมตร จะขับเน้นความเป็นแผ่นไม้ออกมาชัดเจนอยู่แล้ว แต่การยื่นไม้ให้ยาวลอยออกมาก็ยิ่งทำให้ตัวตนของแผ่นไม้ดูชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ในแง่ของฟังก์ชัน วสุตั้งใจให้โต๊ะไม้เป็นโต๊ะบาร์ที่มีความสูงพอดีกับการนั่งและยืนจิบกาแฟ โดยวสุได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในอิตาลี ที่คนมักจะยืนดื่มกาแฟที่เคาน์เตอร์

ไม่ได้มีเพียงโต๊ะไม้เท่านั้นที่เป็นจุดเด่นของ Slabtitude เพราะแพทเพิร์นที่อยู่มุมผนังคาเฟ่ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน แพทเทิร์นเหล่านี้ เกิดจากการนำไฟเบอร์ซีเมนต์ C-channel ของ SCG D’COR คละขนาดมาหมุนพลิกและเรียงสลับกัน วัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์ยังถูกนำมาเรียงต่อกันจนเกิดเป็นลวดลายยาวต่อเนื่องบริเวณฝ้า และนำมาดัดแปลงเป็นชั้นวางของบริเวณข้างเคาน์เตอร์ ซึ่งสีของไฟเบอร์ซีเมนต์ก็เข้ากันอย่างเรียบเนียนกับสีพื้นผิวคอนกรีตเปลือย

นอกจากตัวตนของวสุจะแสดงออกมาผ่านดีไซน์ของ Slabtitude แล้ว วสุก็แสดงตัวตนของเขาออกมาผ่านสิ่งต่างๆ ในร้านเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นบทเพลงที่ได้รับการคัดสรรให้ร้านโดยเฉพาะ หรือผลงานศิลปะและเฟอร์นิเจอร์ตัวพิเศษที่เขาโปรดปราน ไปสัมผัสกับตัวตนของวสุได้ที่ร้าน Slabtitude ซอยสุขุมวิท 101 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น

fb.com/Slabtitude

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *