พบกับ Dusit Residences อาคารพักอาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งความ Luxury และ Lifestyle พร้อมทั้งถ่ายทอดอัตลักษณ์อดีตแลนด์มาร์คของประเทศไทยอย่าง “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ“
TEXT: PICHAPOHN SINGNIMITTRAKUL
PHOTO COURTESY OF DUSIT RESIDENCES EXCEPT AS NOTED
(For English, press here)
ก่อกำเนิดโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวแห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กลางย่านสีลม-พระราม 4 เมื่อ 5 ทศวรรษก่อนภายใต้ชื่อ “โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ” ในปี พ.ศ. 2513 ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งและประธานกิตติมศักดิ์ของ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล คือสตรีผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการโรงแรมที่ดึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย ตั้งแต่รูปแบบการบริการตลอดจนเส้นสายของสถาปัตยกรรมไทยมาผสมผสานและถ่ายทอดอย่างร่วมสมัย จนได้รับการขนานนามให้เป็นจุดสูงสุดของสถาปัตยกรรมไทยในยุคสมัยนั้น และได้รับการยกย่องอย่างแพร่หลายในเวทีระดับโลก
กว่า 50 ปี ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ได้ทำหน้าที่เป็นแลนด์มาร์คสำคัญ และสื่อกลางในการสื่อสารอัตลักษณ์ที่งดงามอย่างไทยไปสู่สายตาของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ก่อนจะก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านในปัจจุบันที่ กลุ่มดุสิตธานี (Dusit Thani Public Company Limited) ได้จับมือกับพันธมิตรอย่าง เซ็นทรัลพัฒนา (Central Pattana Public Company Limited) ร่วมกันบูรณะอาคารและพื้นที่ยุทธศาสตร์ใจกลางย่านสีลม-พระราม 4 ให้กลายเป็น “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค (Dusit Central Park)” โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส 4 อาคาร บนพื้นที่กว่า 23 ไร่ ประกอบด้วย โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ (Dusit Thani Bangkok Hotel) อาคารที่พักอาศัย (Dusit Residences) อาคารสำนักงาน (Central Park Offices) และ ศูนย์การค้า (Central Park) ความน่าสนใจของการบูรณะครั้งใหญ่ในคราวนี้ แน่นอนว่าไม่เพียงแต่สร้างความตื่นเต้นให้กับคนเมืองกรุงและคนในย่านสีลมเท่านั้น แต่ยังเป็นที่จับตามองในกลุ่มนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อหวังจะเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ครั้งใหม่ โดยเฉพาะอาคารที่พักอาศัย Dusit Residences ผลงานออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่มากด้วยเรื่องราว ความงาม และพื้นที่การใช้งานที่เป็นมากกว่าที่พักอาศัย จาก 6 บริษัทออกแบบชั้นนำของเมืองไทยและต่างประเทศ อย่าง OMA, Architects 49 Limited, P49 Deesign & Associates, GRID&CO, P Landscape และ Landscape Collaboration
ด้วยวาระที่การก่อสร้างอาคารของโครงการ Dusit Residences ใกล้จะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้ art4d จึงถือโอกาสชวนคุณสรรพฤทธิ์ ปัญจะ (Sapparit Panja) Senior Associate จาก P49 Deesign & Associates และ คุณกฤษฏิ์ สุนทรภูษิต (Grid Soonthornpusit) Managing and Design Director จาก GRID&CO สองสถาปนิกตัวแทนจากบริษัทผู้ดูแลสถาปัตยกรรมภายในของโครงการ มาเล่าถึงแนวคิดเบื้องหลังของ Dusit Residences ว่ารายละเอียดที่ทำให้อาคารที่พักอาศัยของ Dusit Residences แตกต่างจากอาคารที่พักอาศัยอื่นๆ รวมถึงการนำเอกลักษณ์การบริการจากแบรนด์ระดับ 5 ดาวของประเทศไทยอย่าง โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ มาถ่ายทอดลงในแต่ละพื้นที่ของอาคารที่พักอาศัย จะมีแนวคิดและมุมมองใหม่ๆ ที่น่าสนใจอย่างไร โดยคุณสรรพฤทธิ์ กล่าวถึงภาพจำและคาแร็คเตอร์ของดุสิตดั้งเดิมให้ฟังสั้นๆ ว่า “ภาพจำของ P49 คือเรามองดุสิตธานีเป็น Iconic Property หรือภาพลักษณ์ด้าน Hospitality ของประเทศไทย ซึ่งมีการผสมผสานหลากหลายองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการบริการ หรือดีไซน์ต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็น Thai Heritage ได้อย่างร่วมสมัย” คำกล่าวที่ว่ายังโยงใยถึงการดึงความเป็นดุสิตธานีดั้งเดิมมาใช้กับคอนเซ็ปต์ดีไซน์ของสถาปัตยกรรมภายในที่พักอาศัย Dusit Residences ซึ่ง P49 Deesign & Associates เป็นผู้ดูแลในส่วนของ Unit Layout หรือห้องพักทั้งหมด และ GRID&CO รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลในส่วนของ Public Area ทั้งหมดของโครงการ
เมื่อเอกลักษณ์ของดุสิตธานีดั้งเดิมค่อนข้างมีความชัดเจนและควรค่าแก่การเก็บรักษา ตลอดจนที่ตั้งของไซต์ยังแวดล้อมไปด้วยทิวทัศน์คุณภาพ คอนเซ็ปต์ในการออกแบบของสถาปนิกจึงชูด้วยเรื่องของอัตลักษณ์ความเป็นดุสิตธานีและทิวทัศน์เป็นหลัก ขณะที่การออกแบบสถาปัตยกรรมภายในเพื่อตอบโจทย์การพักอาศัยยังสอดคล้องกับแนวคิดของดุสิตธานี ที่ต้องการนำเสนอประสบการณ์ไลฟสไตล์ใหม่ๆ และตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว อาคารที่พักอาศัย Dusit Residences จึงถูกออกแบบให้ประกอบด้วย 2 รูปแบบการพักอาศัย คือ ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) ห้องชุดจำนวน 160 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 117-700 ตารางเมตร และ ดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside) ห้องชุดจำนวน 246 ยูนิต พื้นที่ตั้งแต่ 55-115 ตารางเมตร
“ทั้ง 2 Living Concept ของอาคารที่พักอาศัยถูกวางแนวคิดโดยตั้งต้นจากความ Luxury ภายใต้รูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน โดย Dusit Residences จะเป็นมีความเรียบหรู และเป็นทางการมากกว่า Dusit Parkside ที่จะเน้นเส้นสายความหรูหราที่ดูสนุกขึ้น หรือมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่า แต่ไฮไลท์สำคัญคือทุกโซนและทุกห้องจะถูกโฟกัสไปที่เรื่องของวิวเมืองและสวนลุมพินี ในส่วนของห้องพักนั้น P49 เราจึงวางเลย์เอาท์ยูนิตห้องและสเปซภายในห้องให้สามารถรับวิวได้หมด ตั้งแต่ ห้องรับแขก ห้องนอน ห้องครัว รวมถึงห้องน้ำ พร้อมกับออกแบบเพดาน Double Volume ให้สูงโปร่งรับกับหน้าต่างบานใหญ่ได้อย่างเปิดกว้าง” การวางผังเช่นนี้ ยังสอดคล้องกับแนวคิด Cross Ventilation ในการรับลมเข้าสู่ตัวห้อง ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการออกแบบที่พักอาศัย อีกทั้งยังเปิดรับแสงธรรมชาติได้ตลอดวัน ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยภายในอาคารรู้สึกปลอดโปร่ง ไม่อึดอัด และรู้สึกเหมือนได้อาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวมากกว่าอาศัยอยู่ในอาคารห้องชุด ตลอดจนรายละเอียดการออกแบบผังภายในอาคารทั้งหมดยังถูกสอดแทรกด้วยไลฟ์สไตล์และการบริการในรูปแบบ Thai Hospitality ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของดุสิตธานี ตั้งแต่ ลิฟท์ล็อบบี้ส่วนตัวที่สามารถขึ้นมาถึงหน้าห้องพักได้เลยโดยไม่ต้องใช้งานร่วมกับผู้อื่น และ Service Access เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวและพื้นที่ซักล้างภายในห้องพักโดยตรง เพื่อให้พนักงานบริการของดุสิตธานีสามารถเข้ามาให้บริการภายในห้องได้โดยไม่รบกวนการอยู่อาศัย
สำหรับส่วนของภาพลักษณ์และเส้นสายการออกแบบสถาปัตยกรรมภายใน แม้ทั้ง 2 บริษัทจะแบ่งพาร์ทการออกแบบกันอย่างชัดเจน แต่เส้นสายความ Luxury อย่างไทยในแบบฉบับของดุสิตธานี ก็ยังถูกถ่ายทอดลงในสเปซตามการตีความที่แตกต่างกันออกไป คุณสรรพฤทธิ์และคุณกฤษฏิ์อธิบายเพิ่มว่า ความ Luxury ของพื้นที่พักอาศัยในแบบ P49 ถูกถ่ายทอดผ่านความเป็น International Standard ตั้งแต่ การเลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ตกแต่ง และเครื่องครัว อาทิเช่น ครัว Arkitektura ตู้เสื้อผ้า Poliform และสุขภัณฑ์ Duravit เน้นการไม่ยัดเยียดดีไซน์จนเกินไป และให้สเปซขายตัวเองโดยผู้อยู่อาศัยที่จะย้ายเข้ามาไม่จำเป็นต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเยอะ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางทาง GRID&CO เน้นไปในเรื่องของ Iconic และ Heritage ซึ่งได้ตีความอัตลักษณ์ความเป็นไทยในรูปแบบต่างๆ ออกมาร้อยเรียงจนเกิดเป็นความ Luxury ในทุกองค์ประกอบของแต่ละพื้นที่ “GRID&CO เราตีความผ้าไหมไทยเป็นการแสดงความ Luxury และความประณีตของไทย วัสดุและองค์ประกอบที่นำมาใช้หลักๆ จึงเป็นเส้นสายจากผ้าไหม รวมไปถึงกี่ทอผ้าไหมหรือเครื่องมือสำหรับทอผ้าไหม แชนเดอเลียก็ถูกประยุกต์มาจากแพทเทิร์นข้าวหลามตัดของผ้าไหมผสมผสานกับยอดปรางของอาคารเก่า ส่วนอื่นๆ เช่น ซุ้ม ประตู เสา มุมแหลมที่ยื่นออกมาจากองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ก็ล้วนแต่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของอาคารดุสิตธานีดั้งเดิม”
ด้วยที่ ดุสิตธานี เป็นแบรนด์ในส่วนของ Hospitality มาก่อน แน่นอนว่าการออกแบบฟังก์ชั่นต่างๆ ในพื้นที่ส่วนกลาง หรือ Public area ของอาคารพักอาศัยภายใต้แบรนด์ดุสิตธานี จึงมีความ Exclusive ครบครัน และแตกต่างจากอาคารพักอาศัยอื่นๆ ประกอบด้วย สระว่ายน้ำขนาด 40-50 เมตร, ยิม, สตูดิโอโยคะ, ห้องอ่านหนังสือ, Co-Working Space, ห้องเก็บไวน์, ห้องรับประทานอาหารและจัดเลี้ยงแบบส่วนตัว และห้องสันทนาการเด็ก โดยพื้นที่ส่วนกลางดังกล่าวยังถูกจัดวางและออกแบบให้ลงตัวกับแนวคิดของทั้ง 2 Living Concept ด้วยการจัดวางให้ พื้นที่ส่วนกลางของ ดุสิต เรสซิเดนเซส (Dusit Residences) อยู่ในชั้น 46 และพื้นที่ส่วนกลางของ ดุสิต พาร์คไซด์ (Dusit Parkside) อยู่ที่ชั้น 29 แยกพื้นที่ใช้งานออกจากกันตามรูปแบบดีไซน์และกลุ่มเป้าหมายของโครงการที่แตกต่าง ขณะที่พื้นที่ส่วนกลางในชั้น 8 คือส่วนเชื่อมโยง 2 Living Concept ให้สามารถเข้ามาใช้งานร่วมกันได้ตามโอกาส “2 รูปแบบการพักอาศัยนั้นมีคาแร็คเตอร์ที่แตกต่างกันชัดเจน แต่สิ่งหนึ่งที่จะได้รับเหมือนกัน คือรูปแบบการให้บริการแบบดุสิตธานี แต่คอนเซปต์และกลุ่มของผู้อยู่อาศัยในแต่ละโซนจะต่างกัน ดุสิตอยากให้ฝั่ง Dusit Parkside มองไปเรื่องของไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์ New Generation พอลิงค์มาส่วน Dusit Residences ก็จะมีความ เป็นผู้ใหญ่มากกว่า เส้นสายการออกแบบ สีสันและบรรยากาศ ก็จะถูกออกแบบแตกต่างกันไปตามคอนเซ็ปต์ของผู้ใช้งานตามที่กล่าวมา” คุณกฤษฏิ์กล่าว
กลับกันที่เมื่อพูดถึงความเป็น Hospitality ในการออกแบบหรือการบริการรูปแบบของโรงแรมในส่วนของห้องพักอาศัยทาง P49 ได้ให้ความคิดเห็นเสริมว่า “บ้านหรือที่พักอาศัยจำเป็นจะต้องอยู่สบาย ผ่อนคลาย และไม่ต้องสร้างความตื่นตาตื่นใจเหมือนห้องพักภายในโรงแรม ที่ต้องออกแบบสถาปัตยกรรมภายในและแสงสีให้เป็นที่น่าจดจำ และกระตุ้นประสบการณ์ใหม่ๆ ในช่วงวันหยุดหรือวันพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน ฉะนั้นการออกแบบที่พักอาศัยให้มีความ Timeless อยู่ได้นานโดยไม่รู้สึกเบื่อไม่ว่าจะเป็นสไตล์ เลย์เอาท์ที่เอื้อในการใช้ชีวิต หรือแม้แต่ฟังก์ชันเสริมต่างๆ อย่างการบริการแบบ Hospitality ที่สามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับการใช้ชีวิตได้มากขึ้น โดยดึงวิธีการในเรื่องของดีไซน์เข้ามาสร้างสรรค์ให้ลงตัวกับความเป็น Residential มากที่สุด” คุณสรรพฤทธิ์ให้ความคิดเห็นทิ้งท้าย
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและเอกลักษณ์ของดุสิตธานี เมื่อรวมกับทีมงานนักออกแบบแนวหน้าระดับประเทศ Dusit Residences จึงเป็นโครงการที่พร้อมปักหมุดหมายสำคัญ ไม่ใช่เพียงโครงการที่อยู่อาศัยที่หรูหราและครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนแวดล้อมไปด้วยแหล่งรวมไลฟ์สไตล์แห่งหนึ่งในกรุงเทพเท่านั้น แต่ยังเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในระดับสากลอย่างแท้จริง