โรงแรมที่ฉีกกรอบโรงแรมเดิมๆ ด้วยการผนวกงานศิลปะ ดนตรี แฟชั่น และดีไซน์ที่จัดจ้านเข้ามาเพื่อให้คนที่อยู่ในโรงแรมรู้สึกเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด พร้อมสโลแกนว่า “Anything but standard”
TEXT: PRATCHAYAPOL LERTWICHA
PHOTO: KETSIREE WONGWAN EXCEPT AS NOTED
(For English, press here)
บนตึกมหานครที่โดดเด่นด้วยรูปทรงกล่อง ห่อหุ้มด้วยกรอบกระจกจากฐานสู่ยอดอาคารในช่องกริดสี่เหลี่ยมที่ร่นเข้าออก เป็นที่ตั้งของ The Standard, Bangkok Mahanakhon ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงด้วยเส้นสายโค้งมนแทบทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่งานออกแบบรายละเอียดงานสถาปัตยกรรมภายใน ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์และข้าวของตกแต่งที่หน้าตาโดดเด่นไม่เหมือนใคร บนสีสันอันจัดจ้านสะดุดตา ดูเหมือนว่ากรอบกระจกสี่เหลี่ยมเหล่านั้นไม่ได้กักขังความสนุกสนานเอาไว้ อย่างที่ Jaime Hayon ดีไซเนอร์ชาวสเปนผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบบอกกับ art4d ว่า “ความหลากหลาย ความจัดจ้าน และความสนุกคือหัวใจของ The Standard, Bangkok Mahanakhon”
The Standard, Bangkok Mahanakhon เป็นโรงแรม flagship ของทวีปเอเชีย ในเครือ The Standard Hotels เครือโรงแรมบูทีคที่โดดเด่นด้วยการผนวกงานศิลปะ ดนตรี แฟชั่น และดีไซน์ที่จัดจ้านเข้ามาเพื่อเติมแต่งประสบการณ์การพักอาศัยและการท่องเที่ยว The Standard Hotels จัดวางตัวเองเป็นพื้นที่ hangout ของแขกและผู้คนในละแวกโดยรอบ ที่มีกิจกรรมผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดเวลา ไม่ได้เป็นแค่โรงแรมสำหรับนอนหลับพักผ่อนเพียงอย่างเดียว รวมไปถึงการฉีกขนบของ chain โรงแรมทั่วไปที่ต้องถอดงานดีไซน์ออกมาจาก guidebook ที่กำหนดกฎเกณฑ์ของงานออกแบบเอาไว้อย่างตายตัว แต่เน้นการออกแบบโรงแรมโดยให้ความสำคัญกับสถานที่ตั้ง และไม่กลัวที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ จิตวิญญาณของความขบถยังสะท้อนออกมาผ่านสโลแกน “Anything but standard” รวมถึงโลโก้ที่เขียนคำว่า ‘The Standard’ แบบกลับหัวกลับหาง
โรงแรมแห่งนี้มาพร้อมห้องพักจำนวน 155 ห้อง รวมทั้งห้องอาหาร และพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดกว้างให้ผู้คนภายนอกสามารถแวะเวียนมานั่งชิลได้ โดยทำเลที่ตั้งต้องถือว่ามีความพิเศษในหลายระดับ ตั้งแต่การฝากตัวในตึกมหานครที่เป็นตึกที่สูงที่สุดของกรุงเทพฯ การอยู่ในย่านสีลม–สาทร ที่เต็มไปด้วยสีสันและความคึกคักตลอดทั้งวันทั้งคืน และเป็นจุดศูนย์กลางที่สามารถเดินทางไปไหนต่อไหนในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบาย สิ่งที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนใน The Standard, Bangkok Mahanakhon คือมวลพลังความมีชีวิตชีวา ที่ไม่ต่างกันเลยกับคาแรกเตอร์ของกรุงเทพฯ ที่แสนจะคึกคักและไม่เคยหลับไหล ที่เกิดจากการตกแต่งที่เปี่ยมไปด้วยสีสันจัดจ้าน คาแร็กเตอร์จัด ผลงานของทีมดีไซเนอร์ In House ของ The Standard Hotels นำทีมโดย Verena Haller, Chief Design Officer และ Jaime Hayon ดีไซเนอร์ขี้เล่นชาวสเปนที่กำลังเป็นที่พูดถึงในระดับโลก “กรุงเทพฯ คือศูนย์รวมวัฒนธรรมที่หลากหลาย เราจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำคาแรกเตอร์นี้มาใส่ในงานออกแบบ” Jaime Hayon เผยถึงแนวคิดการออกแบบงานนี้
พื้นที่แรกที่แขกทุกคนจะได้เจอก็คือโถงต้อนรับสีเขียวในชั้น 1 ที่ชุ่มชื่นด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ และเส้นสายของแมกไม้ที่แทรกตัวบนพื้นหินขัด ด้านบนคือโคมไฟหวายจากช่างฝีมือท้องถิ่นหลากรูปหลายทรง สร้างบรรยากาศอ่อนโยนผ่อนคลาย ผิดกันเห็นๆ กับภาพรถราจอแจด้านนอก “เราเอาความเขียวชอุ่มเข้ามาเพื่อให้พื้นที่นี้เป็นเหมือนโอเอซิสใจกลางเมือง” Jaime กล่าว
ผ่านโถงต้อนรับเข้าไปคือลิฟต์ที่นำไปสู่ล็อบบี้บนชั้น 4 ไฟภายในลิฟต์เป็นไฟสลัวๆ ด้านข้างตัวลิฟต์ติดกระจก infinity ที่ให้สะท้อนเห็นมุมมองแบบไม่รู้จบ เพลงที่เล่นในลิฟต์ก็เป็นเสียงอิเล็กทรอนิกส์อื้ออึง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประตูทะลุมิติมากกว่าอยู่ในลิฟต์ ไม่ทันไรลิฟต์ก็เปิดออกไปสู่พื้นที่ล็อบบี้สีเหลืองร้อนแรงที่ได้การออกแบบเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นขนาดย่อม หน้าตาของงานออกแบบได้กลิ่นอายของงานตกแต่งในช่วงปี 1945-1969 หรือที่เรียกกันว่า Mid-century modern ซึ่งมีเส้นสายที่สะอาดสะอ้าน แต่มีจริตจะก้านที่รูปทรงและสีสัน ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ออกแบบขึ้นโดย Jaime Hayon สำหรับพื้นที่นี้โดยเฉพาะ บนหน้าตาเก๋ไก๋ไม่เหมือนใครและเต็มไปด้วยความโค้งมนจนแทบจะไร้ซึ่งความเหลี่ยมมุม
ถัดจากโซนล็อบบี้คือ The Parlor ที่เป็นห้องรับแขกขนาดใหญ่ซึ่งต้อนรับทั้งแขกผู้เข้าพักและคนทั่วไป นอกจากจะเป็นพื้นที่นั่งชิลและนั่งทานอาหารแบบ comfort food แล้ว The Parlor ยังมีการจัดกิจกรรมหมุนเวียนหลากหลาย เช่น ปาร์ตี้ค็อกเทล หรือการเปิดแผ่นดนตรีสดๆ จาก DJ จะว่า The Parlor เป็นหัวใจของ The Standard, Bangkok Mahanakhon ก็คงไม่ผิด พื้นที่นี้ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศเขียวชอุ่ม สบายตา ตัดกับลูกเล่นที่เฟอร์นิเจอร์หลากสี รวมไปถึงการหยอดสีสันฉูดฉาด เช่น สีแดง สีเหลือง สีน้ำเงิน เข้าไป ทำให้พื้นที่ดูคึกคักสนุกสนาน “The Parlor คือสเปซสีเขียวอันสวยงาม” Verena พูดถึงการออกแบบสเปซนี้ “นอกจากตัวดีไซน์ที่ดึงดูดผู้ใช้งาน มันยังมีภูมิทัศน์ของเก้าอี้อันสวยงาม ชั้นหนังสือที่มีของประดับประดามากมาย เป็นการถอดความจากตลาดนัดในกรุงเทพฯ ที่แสดงออกว่ากรุงเทพฯ คือเมืองที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของวัฒนธรรม”
ด้านในของ The Parlor คือห้องน้ำชาชื่อ Tease ที่ทีมงานของโรงแรมบอกกับเราว่าเป็นสถานที่ที่คนนิยมมาถ่ายรูปกันมากเป็นพิเศษ ความโดดเด่นของห้องน้ำชา Tease ก็คือลวดลายกราฟิกเรขาคณิตสีขาวดำที่สอดแทรกไปทั่วทั้งเฟอร์นิเจอร์ ผนัง ไปจนถึงฝ้าเพดาน งานตกแต่งส่วนนี้ ทีมดีไซน์ได้แรงบันดาลใจจากสไตล์งานของ Josef Hoffmann ดีไซเนอร์ระดับตำนานชาวออสเตรียผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Vienna Secession ที่มักใช้แพทเทิร์นขาวดำและการเล่นรูปทรงเรขาคณิตโดยเฉพาะรูปสี่เหลี่ยมในผลงาน ห้องนี้อาจจะไม่ได้มีสีสันมากมาย แต่โดดเด่นด้วยลวดลายประดับประดาก็ทำให้ห้องนี้มีเสน่ห์เฉพาะตัว
เหนือ The Parlor ไปอีกชั้นคือ The Standard Grill ร้านสเต็กเฮาส์สไตล์อเมริกัน นอกจากที่นี่จะหยิบยกความอร่อยมาจาก The Standard Grill สาขาต้นตำรับใน New York แล้ว งานดีไซน์ของสาขากรุงเทพฯ ก็ถอดแบบมาจากสาขา New York อีกเช่นกัน อย่างเช่นการใช้ finishing ไม้หรือสี earth tone เข้มๆ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น ฝ้าซุ้มโค้งกรุกระเบื้องขาว รวมไปถึงพื้นที่กรุด้วยเหรียญเพนนีกลมเล็กสีทองแดง แต่ที่ The Standard, Bangkok Mahanakhon ก็มีการปรับเส้นสายให้สะอาดสะอ้านขึ้น และผสมผสานคาแรกเตอร์ดีไซน์ของที่นี่ นั่นคือความโค้งมนและกลิ่นอายย้อนยุคแบบ Mid-century modern เข้าไป
ตัวห้องพักของโรงแรมก็ได้รับการออกแบบในบรรยากาศเรโทร และใช้โทนสีที่อบอุ่นสบายตา แม้สีสันจะไม่ได้จัดจ้านเหมือนพื้นที่อื่นของโรงแรม แต่ก็มีการแทรกเฟอร์นิเจอร์สีสดเข้ามาเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ภายในห้องพัก ในบางห้องมีองค์ประกอบตกแต่งที่เติมแต่งความสนุก อย่างเช่นราวแขวนเสื้อรูปยิ้มแฝงตัวอยู่ในห้องด้วย จะว่าไปแล้ว ในบริเวณอื่นๆ ก็มีของตกแต่งที่สร้างอารมณ์ขบขันเล็กๆ เช่นกัน อย่างเช่น ตัวอักษรที่ทางเดินหน้าห้องที่บอกทางเดินไปลิฟต์ที่ยาวที่สุด (แต่ถ้าไม่อยากเดินอ้อม ก็ยังมีป้ายบอกทางที่สั้นที่สุดอยู่) หรือ ป้ายห้องน้ำหญิงที่เกิดจากการเอาปากกาขาววาดรูปกระโปรงบนรูปตัวผู้ชาย
“เราไม่ได้ออกแบบแค่งาน interior แต่ดูแลภาพรวมประสบการณ์ภายใน The Standard, Bangkok Mahanakhon ด้วย” Verena เสริมถึงรายละเอียดที่ไม่ได้จบอยู่แค่งานตกแต่ง แต่รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ ที่สอดแทรกภายใน อย่างเช่น ชุดพนักงานที่ได้แบรนด์ Fah Chak WO+MAN มาร่วมออกแบบ ชุดของพนักงานมีสีสันที่สดใส และล้อไปกับการตกแต่งของสเปซส่วนต่างๆ หลายชุดมีลูกเล่นน่าสนใจที่สะท้อนความขี้เล่นของ The Standard ได้เป็นอย่างดี อย่างเช่น ชุดพนักงานต้อนรับ The Standard Grill สีส้มสะดุดตาที่มีสายคล้องใหล่อยู่ที่ชายกระโปรง เสมือนว่าพนักงานสวมชุดที่กลับหัวกลับหาง เช่นเดียวกับชุดพนักงานหญิงของส่วนล็อบบี้ ที่กลับด้านเอาส่วนคาดเข็มขัดขึ้นมาคาดที่คอแทน และที่เด็ดขาดแบบกรุงเทพฯ สไตล์ชัดเจนก็คือพนักงานบริการรับจอดรถที่ได้แรงบันดาลใจจากเสื้อวินมอเตอร์ไซค์มาเต็มๆ
เหนือสิ่งอื่นใด Verena ทิ้งท้ายกับเราว่า ความหลากหลายและความสนุกสนานที่ท้วมท้นใน The Standard, Bangkok Mahanakhon ก็คือการออกแบบเพื่อให้คนที่อยู่ในโรงแรมรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงแขกหรือคนภายนอก แต่รวมไปถึงพนักงานที่ทำงานในโรงแรมแห่งนี้ด้วย “เรานำเอาองค์ประกอบที่แตกต่างกันมาปะทะและผสมผสานกัน ที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนจะไม่รู้สึกแปลกปลอม และจะรู้สึกสบายใจที่จะโดดเด่นได้ในแบบของตัวเอง และเราก็ออกแบบให้สเปซเหล่านี้เป็นฉากหน้าที่พนักงานรู้สึกสบายใจที่ได้ทำงานด้วย เราให้พวกเขาแต่งตัวในชุดที่ทำงานได้สบายคล่องแคล่ว และส่งเสริมความภาคภูมิใจให้พวกเขา และเปิดกว้างให้เขาได้เผยตัวตนของตัวเอง นี่คือแง่มุมอีกขั้นของงานออกแบบทั้งหมด” การโอบรับความหลากหลายแบบนี้แหละคือแก่นของความสนุกแบบ The Standard, Bangkok Mahanakhon