สรรพสิ่งมหัศจรรย์บนรถแท็กซี่ไทย เป็นแรงบันดาลใจให้ Dale Konstanz ถ่ายภาพห้องโดยสารรถ ค้นคว้าข้อมูลเครื่องรางต่างๆ ข้างใน และรวบรวมข้อมูลจนกลายเป็นหนังสือที่สะท้อนความเชื่อแบบไท้ยไทยให้เราเห็น
TEXT: TUNYAPORN HONGTONG
PHOTO: KETSIREE WONGWAN
(For English, press here)
Dale Konstanz
River Books, 2012
9.26 x 0.47 x 10.03 inches
159 pages
Paperback
ISBN 978-6-167-33908-5
การมาถึงของ ‘แอปเรียกรถ’ (ride-hailing service) อย่าง Uber หรือ Grab ไม่ได้แค่ disrupt อุตสาหกรรมแท็กซี่จนล้มตายเกลื่อนกลาด หรือว่าทำให้ผู้โดยสารอย่างเราๆ แทบจะลืมวิธีบอกทางแท็กซี่ไปแล้วเท่านั้น แต่ยังมีอีกประสบการณ์หนึ่งที่ค่อยๆ หายไปเมื่อเราหันมานั่ง Grab car กันมากขึ้น ซึ่งเราก็ดูจะไม่เคยนึกถึงสิ่งที่ขาดหายไปนี้เลยจนกระทั่งได้อ่านหนังสือเล่มนี้
ประสบการณ์ที่ว่าคือ การได้เข้าสู่ห้องโดยสารของแท็กซี่ไทยที่ตกแต่งได้อย่างไท้ยไทย โดยเฉพาะว่ามันเต็มไปด้วยเครื่องรางของขลัง
ลองนึกถึงคืนวันก่อนเก่าที่แท็กซี่สีเหลือง ฟ้า แดง เขียว ชมพู ยังวิ่งกันเกลื่อนเมืองดูก็ได้ เมื่อคุณโบกเรียกแท็กซี่ (และถ้าเขารับ) เปิดประตูเข้าไปนั่งบนเบาะหลัง อย่างน้อยๆ คุณจะต้องเห็นเครื่องรางอะไรสักอย่างภายในรถ อาจเป็นรอยเจิมสีขาวบนเพดาน พวงมาลัยหลากสีแขวนอยู่บนกระจกมองหลัง นางกวัก พระเครื่องเรียงรายอยู่บนแผงหน้ารถ หรืออาจเป็นทั้งหมดที่ว่ามารวมกัน สำหรับชาวไทยที่อายุไม่น้อยจนเกินไป ภาพเหล่านี้คุ้นตามาตั้งแต่เด็ก จนเราแทบไม่รู้สึกตื่นเต้นและอาจมองข้ามอะไรบางอย่างไป แต่กับชาวต่างชาติ ห้องโดยสารแท็กซี่ไทยคือโลกมหัศจรรย์ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
Dale Konstanz เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อเขาย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ในปี 2003 (ช่วงเวลาที่ธุรกิจแท็กซี่ยังเฟื่องฟู) เขามักเดินทางไปไหนมาไหนด้วยแท็กซี่ ไม่นานเขาก็เริ่มสังเกตเห็นการตกแต่งห้องโดยสารของแท็กซี่แต่ละคันและค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องรางเหล่านั้น สองสามปีต่อมา เขาเริ่มโปรเจ็กต์หนังสือ ‘Thai Taxi Talismans’ ด้วยการถ่ายรูปห้องโดยสารของแท็กซี่แต่ละคันที่เขาใช้เดินทาง
ควบคู่ไปกับภาพถ่ายแนวสตรีท Dale ยังไปค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องรางประเภทต่างๆ ที่เขาพบในแท็กซี่ ไม่ว่าจะเป็น พระพุทธรูป พระเกจิ พระสังกัจจายน์ พระพิฆเนศ เครื่องรางตามหลักฮวงจุ้ย ของขลังเรียกเงิน (เช่น นางกวัก แมวกวักญี่ปุ่น และเงินก้นถุง) ว่ามีความหมายหรือที่มาที่ไปอย่างไร ไปจนถึงว่าจะหาซื้อได้ที่ไหน ข้อมูลในส่วนนี้ทำให้ ‘Thai Taxi Talismans’ กลายเป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของเครื่องรางของขลังในแท็กซี่ไทยหรือแม้แต่ในวัฒนธรรมความเชื่อแบบไทยไปได้ไม่ยาก และก็ดูจะมีคุณค่าในแง่การบันทึกมากขึ้นด้วยในยุค Grab ครองเมือง ที่แท็กซี่แบบเดิมๆ ค่อยๆ ล้มหายตายจากไป
แต่ความเป็นไทยที่หนังสือเล่มนี้สะท้อนออกมาไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะเรื่องของเครื่องรางของขลังในภาพรวมที่ปรากฏใน ‘Thai Taxi Talismans’ ยังแสดงให้เห็นลักษณะบางอย่างของสังคมไทยด้วย ที่เห็นชัดๆ ก็คือ สังคมไทยเป็นสังคมที่เชื่อถือเรื่องโชคลางอย่างมาก ไม่ใช่เฉพาะแท็กซี่ แต่เกือบจะทุกหย่อมหญ้าและทุกชนชั้น และเราก็รับเอาทุกความเชื่อเข้ามาใช้ร่วมกันอย่างผสมปนเป ทั้ง พุทธ ฮินดู จีน ผี ฯลฯ (เหมือนกับที่เราเห็นพระพิฆเนศตั้งอยู่ข้างๆ พระเครื่อง พระสังกัจจายน์ เงินจีน แมวกวักญี่ปุ่น และหมูสีทอง) จนทำให้ ‘ความเป็นไทย’ ที่เรามักตั้งคำถามถึงคำจำกัดความและภูมิใจไปกับมันนั้น จริงๆ แล้ว อาจแทบไม่มีอะไรที่มีรากเหง้ามาจากเราเลยก็ได้ แถมเรายังดูจะไม่สนใจที่มาที่ไปหรือความหมายที่แท้จริงของเครื่องรางสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากหลากวัฒนธรรมนั้นด้วย แค่เราเชื่อว่ามันจะนำพาโชคดีมาให้เราเป็นพอ
สังคมไทยยังมีความย้อนแย้งบางอย่าง เช่น แม้เราจะนับถือศาสนาพุทธและมีพระพุทธรูปเป็นเครื่องบูชาอยู่แทบทุกบ้านหรือในรถทุกคัน แต่เรากลับไม่ได้ใส่ใจในหลักธรรมของพุทธศาสนาที่วางอยู่บนแก่นเรื่องการปล่อยวาง ตรงกันข้าม เราให้ความสำคัญกับเงินทองเป็นเรื่องอันดับแรกๆ ของชีวิต ตั้งแต่คนหาเช้ากินค่ำอย่างแท็กซี่ที่พึ่งพาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้หารายได้มาพอเลี้ยงปากท้อง ไปจนถึงคนที่มีกินมีใช้อยู่แล้ว แต่ก็กราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อขอให้ร่ำรวยขึ้นอีก
บางที สิ่งเหล่านี้อาจเป็นความเป็นไทยที่หนังสือเล่มนี้สะท้อนออกมาให้เห็นมากกว่าเครื่องรางของขลังหรือข้าวของที่มีรูปร่างหน้าตาแบบไทยๆ เสียอีก
เหล่านี้น่าจะเป็นความคิดที่ใครหลายคนได้จากการผ่านตา ‘Thai Taxi Talismans’ ซึ่งก็เป็นความคิดเห็นแนวเสียดสีที่มีเสียงหัวเราะปนอยู่ด้วย เหมือนการเล่าเรื่องของ Dale ที่สนุกและเต็มไปด้วยอารมณ์ขัน อย่างบางตอนที่เราชอบก็เช่น ตอนที่เขาใช้อารมณ์ขันเปรียบรูปจำลองพระเกจิที่นั่งหันหน้าออกไปยังกระจกหน้ารถว่าเหมือนกำลังนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางรถที่ติดมหาวินาศสันตะโรของกรุงเทพฯ และเรียกการตกแต่งแท็กซี่ด้วยเครื่องรางหลากชนิดร่วมกับนิตติ้งสีสดที่ใช้คลุมเกียร์และพนักเก้าอี้ รวมถึงหมอนกลมจับจีบสีแวววาวที่อยู่หลังรถว่า การตกแต่งแบบ More is More