Tag: Installation Art

THE CONTEMPORARY ART COMPETITION 2025

(For English, press here)

art4d ร่วมกับ ศุภาลัยจัดการประกวดศิลปกรรมร่วมสมัยภายใต้หัวข้อ ‘ทิวทัศน์แห่งชีวิต (Lifescape)’ พร้อมเชิญชวนเหล่าศิลปินในไทย มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานที่สร้างพลังบวกไปด้วยกัน พร้อมเปิดรับผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวในแง่มุมของความสุข ความรัก ความเจริญรุ่งเรือง ความงามหรือความสงบแห่งธรรมชาติ หรือแง่มุมอื่นๆ ที่เป็นพลังด้านบวก โดยเปิดรับประเภทผลงานดังต่อไปนี้

  1. ประเภทประติมากรรม (Sculpture & Installation Art) ได้แก่ ผลงานสามมิติ ที่สร้างด้วยเทคนิคการปั้น แกะสลัก หรือวิธีอื่นๆ รวมไปถึงผลงานศิลปะจัดวาง โดยผลงานต้องสร้างจากวัสดุที่มีความคงทนและสามารถนำไปติดตั้งในสวนสาธารณะหรือภายในอาคารของโครงการศุภาลัยต่าง ๆ ได้ ผลงานจะต้องมีขนาดไม่เกิน 1.6 x 1.6 x 1.6 เมตร โดยประมาณ (ไม่รวมฐาน) สำหรับชิ้นงานประติมากรรม และใช้พื้นที่รวมไม่เกิน 2 x 2 x 2.5 (สูง) เมตร สำหรับผลงานศิลปะจัดวาง
  2. ประเภทจิตรกรรม (Painting & Mixed Media) ได้แก่ผลงาน 2 มิติที่ถ่ายทอดแนวคิดผ่านสีสัน องค์ประกอบ และพื้นผิวด้วยเทคนิคอิสระ (สีน้ำมัน, สีอะคริลิก, ภาพพิมพ์, คอลลาจ ฯลฯ)  โดยผลงานจะต้องมีขนาดไม่เกิน 2 x 2 x 2 เมตร (รวมกรอบ)

ผู้มีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวด

  • ศิลปินสัญชาติไทย หรือ เชื้อชาติไทย ไม่จำกัดอายุ ที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง
  • ศิลปินต่างชาติที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไทย ไม่จำกัดอายุ ที่สร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดของตนเอง
  • ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลและเผยแพร่ในสูจิบัตรที่ใดมาก่อน

การส่งผลงานเข้าประกวด

  • ศิลปินสามารถส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดได้คนละไม่เกิน 1 ผลงาน ต่อประเภท
  • ผู้ที่จะส่งผลงานเข้าร่วมประกวด ต้องลงทะเบียนเข้าร่วมส่งผลงานทางช่องทาง https://forms.gle/DqtPMSJjBEBqYrzC7 ตั้งแต่ วันที่ 15 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2568
  • ผู้ร่วมประกวดต้องจัดส่งผลงานให้กับเจ้าหน้าที่ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร เลขที่ 2617 ถนนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
  • สามารถจัดส่งผลงานได้ตั้งแต่ วันที่ 26 – 31 พฤษภาคม 2568

*หมายเหตุ* บริษัทจะรับผิดชอบและระวังรักษาผลงานทุกชิ้นที่ส่งเข้าประกวดอย่างดีที่สุดยกเว้นความเสียหายอันเกิดจากภัยธรรมชาติ และอุปัทวเหตุ หรือเหตุอันสุดวิสัย

คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสิน
ผู้ทรงคุณวุฒิทางศิลปะที่มาร่วมเป็นคณะกรรมการคัดเลือก ได้แก่

  • คุณพีระพงษ์ ดวงแก้ว ศิลปินอาวุโสสาขาประติมากรรมร่วมสมัย
  • คุณสุริยะ อัมพันศิริรัตน์ ศิลปินศิลปาธร และผู้ก่อตั้ง Walllasia
  • ศาสตราจารย์ ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์
  • ดร. วิชญ มุกดามณี คณบดีคณะจิตรกรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
  • ดร. ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)

เกณฑ์การตัดสิน
แนวคิดและความคิดสร้างสรรค์ (Concept & Creativity)

  • มีแนวคิดที่แปลกใหม่ ทันสมัย หรือสะท้อนมุมมองที่น่าสนใจ
  • แสดงออกถึงเอกลักษณ์และตัวตนของศิลปิน
  • มีการใช้สัญลักษณ์ หรือการตีความที่ลึกซึ้ง

การสื่อความหมาย (Conceptual & Emotional Impact)

  • สามารถสื่อสารแนวคิดและอารมณ์ให้ผู้ชมเข้าใจได้
  • มีพลังหรืออิทธิพลที่กระทบต่อความรู้สึกหรือทัศนคติของผู้ชม
  • ความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจหรือตั้งคำถามกับสังคม

องค์ประกอบศิลป์และเทคนิค (Artistic Composition & Technique)

  • การจัดวางองค์ประกอบที่สอดคล้องกัน
  • ความเชี่ยวชาญในเทคนิคที่ใช้ เช่น การใช้สี การปั้น การแกะสลัก ฯลฯ
  • รายละเอียดของงานและความประณีต
  • ความสามารถในการสื่ออารมณ์ผ่านสี แสง เงา และพื้นผิว ฯลฯ

การใช้วัสดุและความเป็นไปได้ทางโครงสร้าง (Material & Structural Feasibility)

  • สำหรับประติมากรรม: วัสดุที่ใช้ต้องเหมาะสม แข็งแรง คงทน และสอดคล้องกับแนวคิด
  • สำหรับจิตรกรรม: คุณภาพของสีและวัสดุที่ใช้ต้องมีความคงทนและช่วยส่งเสริมให้ผลงานมีความสมบูรณ์
  • อาจมีการพิจารณาปัจจัยเพิ่มเติมของการเลือกใช้วัสดุ เช่น ความยั่งยืนของวัสดุ (Sustainability) หรือการมีส่วนร่วมกับชุมชน (Community Engagement)

ความเป็นต้นฉบับและเอกลักษณ์ (Originality & Identity)

  • เป็นผลงานที่ไม่ซ้ำแบบใคร มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
  • ไม่ลอกเลียนแบบหรือคัดลอกผลงานของผู้อื่น

ความสัมพันธ์กับธีมของการแข่งขัน (Relevance to Theme)

  • สอดคล้องกับหัวข้อหรือแนวคิดหลักของการแข่งขัน
  • ตีความและนำเสนอแนวคิดได้อย่างลึกซึ้ง

ความสมบูรณ์ของผลงาน (Overall Presentation & Quality)

*โดยการตัดสินของคณะกรรมการการคัดเลือกและตัดสินถือว่าเป็นที่สุด จะอุทธรณ์มิได้*

ประเภทรางวัล

คณะกรรมการจะคัดเลือกและตัดสินตามเกณฑ์การตัดสิน โดยกำหนดรางวัล ดังนี้

ประเภทประติมากรรม 12 รางวัล

  • รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 400,000 บาท
  • รางวัลอันดับที่ 2 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 250,000 บาท รวม 500,000 บาท
  • รางวัลอันดับที่ 3 จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 150,000 บาท รวม 450,000 บาท
  • รางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท รวม 400,000 บาท
  • รางวัล Popular Vote จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท รวม 20,000 บาท

ประเภทจิตรกรรม 12 รางวัล

  • รางวัลชนะเลิศ จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 400,000 บาท
  • รางวัลอันดับที่ 2 จำนวน 2 รางวัล รางวัลละ 250,000 บาท รวม 500,000 บาท
  • รางวัลอันดับที่ 3 จำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 150,000 บาท รวม 450,000 บาท
  • รางวัลชมเชย จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท รวม 400,000 บาท
  • รางวัล Popular Vote จำนวน 1 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท รวม 20,000 บาท

รวมมูลค่าเงินรางวัล 3,540,000 บาท

คณะกรรมการสามารถตัดสินให้รางวัลเพิ่ม หรือลดรางวัลได้หากพิจารณาเห็นว่ายังไม่มีผลงานสมควรที่จะได้รับรางวัล นอกจากนี้ ทางบริษัทศุภาลัยฯ จะเลือกผลงานที่มีคุณค่าแต่ไม่ได้รับรางวัลเข้าร่วมจัดแสดงในนิทรรศการจํานวนหนึ่ง

ทั้งนี้ บริษัทศุภาลัยฯ อาจจะเจรจากับศิลปินเพื่อขยายขนาดผลงานบางชิ้น ในภายหลัง โดยจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มตามความเหมาะสม และตามความเห็นชอบร่วมกัน

กรรมสิทธิ์

  • ผลงานที่ได้รับรางวัลจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) และทางบริษัทฯ จะพิจารณาเพื่อดําเนินการติดตั้งในสิ่งแวดล้อมจริงตามความเหมาะสม
  • ผลงานทุกชิ้นที่ส่งเข้าร่วมแสดงงานในครั้งนี้และผู้สนับสนุนการประกวดมีสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงานลงในสูจิบัตรและเอกสารสิ่งพิมพ์รวมทั้งสื่อออนไลน์ทุกอย่าง

การจัดแสดงผลงาน

ภายหลังการตัดสินเรียบร้อยแล้ว บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) และ บริษัท อาร์ตโฟร์ดี โค จำกัด จะจัดให้มีการมอบรางวัลและจัดแสดงผลงานตามความเหมาะสม ที่โครงการ ศุภาลัย ไอคอน สาทร

การขายผลงานในการจัดแสดงผลงาน

สำหรับผลงานที่ได้รับคัดเลือกให้จัดแสดงนิทรรศการ ระหว่างวันที่ 10 มิถุนายน – 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ โครงการศุภาลัย  ไอคอน สาทร เจ้าของผลงานสามารถแจ้งราคาผลงานในนิทรรศการได้หากมีความประสงค์จะขายผลงาน โดยทางบริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) จะหักค่าดำเนินการฝากขายและจัดส่งผลงานในอัตรา 15% จากราคาขาย

กําหนดเวลา

  • ลงทะเบียนเข้าร่วมส่งผลงานได้ที่ ช่องทาง https://forms.gle/DqtPMSJjBEBqYrzC7 ตั้งแต่ วันที่ 15 มีนาคม – 15 พฤษภาคม 2568
  • ส่งผลงาน วันที่ 26 – 31 พฤษภาคม 2568 ได้ที่ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร เลขที่ 2617 ถนนนสาทรใต้ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10120
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/rDHAX4CRcKi8GAuR6
  • ตัดสินผลงานวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568
  • ประกาศผล วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ทางช่องทางออนไลน์ของศุภาลัย และ อาร์ตโฟร์ดี
  • พิธีมอบรางวัล และเปิดการแสดงนิทรรศการ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร
  • จัดแสดงนิทรรศการ 10 มิถุนายน – 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร
  • สำหรับผลงานที่ไม่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมแสดง เจ้าของผลงานสามารถรับผลงานคืนได้ระหว่างวันที่ 11 – 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ณ โครงการศุภาลัย ไอคอน สาทร โดยทางบริษัทฯ จะแจ้งวัน เวลา ในการรับคืนผลงานให้ศิลปินทราบต่อไป

*หมายเหตุ* การส่งงานและการรับคืนให้ทําภายในเวลาที่กําหนดเท่านั้น หากผลงานประติมากรรมที่เจ้าของงานไม่มารับคืนภายใน วันที่และเวลากําหนดไว้ในข้อ 10 ให้ถือว่าเจ้าของผลงานชิ้นนั้นยินยอมให้บริษัท ศุภาลัย จํากัด (มหาชน) มีสิทธิ์ดําเนินการตามที่ เห็นสมควรต่อไป

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่:
ผู้ประสานงานโครงการ คุณกษิมล ธีระวรวงศ์ (โปโล) บริษัท อาร์ตโฟร์ดีโค จำกัด
โทร. +66 80 836 5996  อีเมล kasimol.art4d@gmail.com

MARITIME SILK ROAD

Maritime Silk Road

นิทรรศการปฐมฤกษ์ของ POLY MGM MUSEUM ที่ MGM MACAU ซึ่งพาผู้ชมไปสัมผัสกับศิลปวัตถุและงานศิลปะที่น่าประทับใจกว่า 228 ชิ้นจาก 184 ชุด ที่บอกเล่าเรื่องราวของ ‘เส้นทางสายไหมทางทะเล’ Read More

FLOCK OF

ภาพฝูงปลาสีเงินเงาวาวแหวกว่ายท่ามกลางอากาศอย่างอิสระ แท้จริงแล้วเป็นผลงานศิลปะจัดวางซึ่งแทรกเสริมการดื่มด่ำประสบการณ์เชิงพื้นที่จินตนาการเสมือนจริงที่สร้างสรรค์โดย bit.studio Read More

THREE STORIES FROM BAN WANG HMA (DOG’S PALATIAL HOUSE)

Baan Wang Hma-feature

นิทรรศการโดย อารยา ราษฎร์จำเริญสุข นำเสนอผลงานในรูปแบบวิดีโอที่เทียบเคียงภาพของผู้คนกับสารพัดสัตว์ อันแสดงให้เห็นชีวิตที่ทั้งแตกต่างและคล้ายคลึงระหว่างกัน
Read More

LANDSCAPE OF EMPTINESS

นิทรรศการ Landscape of Emptiness นำเสนอผลงานศิลปะของสนิทัศน์ ประดิษฐ์ทัศนีย์ ที่แสดงให้เห็นว่าในความว่างเปล่าก็มีตัวตนอยู่

Read More

THRU THE STRAITS OF DEMOS

นิทรรศการโดย กรกฤช เจียรพินิจนันท์ ที่ใช้กายภาพแกลเลอรี่ รายละเอียดของการติดตั้งผลงาน หรือแม้แต่ตัวกระดาษที่ใช้อัดรูปเพื่อถ่ายทอดบทกวีในพื้นที่จัดแสดง
Read More

FIELD COLLAPSE

หลังจากคุ้นเคยกับการทำงานสถาปัตยกรรมเป็นอย่างดี สตูดิโอ thingsmatter ก้าวขามารับบทบาทศิลปิน และสร้างผลงานจาก ‘เหล็กข้ออ้อย’ เพื่อนำเสนอประเด็นทางสังคมในวงการออกแบบ

TEXT: NAPAT CHARITBUTRA
PHOTO: KETSIREE WONGWAN EXCEPT AS NOTED

(For English, press here)

เหล็กข้ออ้อย แผ่นไม้อัด ยาง ตะปู สกรู และแสงเสียง คือวัสดุของผลงาน installaion ชิ้นใหญ่ คับพื้นที่ 100 Tonson Foundation ที่ให้ความรู้สึกต่างออกไปจากนิทรรศการศิลปะ นอกไปเหนือจากความ “หนักและดิบ” ของวัสดุ art4d พูดคุยกับ ศาวินี บูรณศิลปิน และ Tom Dannecker แห่ง thingsmatter ถึงประเด็นและความคิดอื่นๆ ที่แฝงอยู่ภายในนิทรรศการ Field Collapse

“Fragments ที่หน้างานก่อสร้าง ไม้แบบ คนงานในไซท์ สำหรับเรามันสวยงามและ conceptual มาก ทั้งในแง่ที่มันเป็น artifact และเป็น happening” ศาวินีมองกระบวนการก่อร่างสร้างตัวของงานสถาปัตยกรรมเป็น performance ที่เกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะหายไป

“ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ผมเป็นพวกที่ไม่ทำงานในสตูดิโอที่คณะ แต่ชอบหมกตัวในหอพักมากกว่า (…) เพื่อนที่หอซึ่งเรียนคณะอื่นก็ชอบถามว่าผมทำอะไร ผมออกแบบโรงเรียนศิลปะ พอบอกไปเพื่อนๆ ก็ตื่นเต้นกันใหญ่และถามต่อว่ามันจะสร้างเมื่อไหร่ ผมก็บอกว่ามันจะไม่ได้สร้างหรอก (หัวเราะ)” Tom พยายามอธิบายกับ art4d ว่าบทสนทนานี้มีความหมายซ่อนอยู่ นั่นคือความต่างระหว่างงานของสถาปนิกกับงานสายอื่นๆ “โมเดลของที่เพื่อนคนอื่นตั้งใจทำเพื่อเป็นแบบสำหรับสร้างงานจริงๆ  แต่ไอ้โมเดลที่ผมเดินถือไปส่งอาจารย์ มันไม่ใกล้เคียงกับผลลัพธ์สุดท้ายของงานสถาปัตยกรรมแม้แต่น้อย สำหรับผม สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่แบบหรือ representation แต่มันเป็นงานศิลปะในตัวมันเอง”

ทั้งสอง narrative นี้ดูเหมือนจะต่างแต่ก็มีจุดร่วมเดียวกันคือการให้ความสำคัญกับ กระบวนการ (process) และผลงานในระหว่างกระบวนการ (work in progress) หรือพูดอีกอย่างคือช่วงเวลาที่มี engagement ของผู้ออกแบบเข้มข้นมากที่สุด (แน่นอนว่ามากกว่าตอนที่งานสร้างเสร็จ) ซึ่งไอเดียที่ว่ามานี้ค่อยๆ สั่งสมจนกระทั่งมาถึงจุดพีคในปีนี้ กับโปรเจ็คต์ที่ 100 Tonson Foundation

thingsmatter ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโครงการออกแบบสถาปัตยกรรม นั่นคือการใช้เหล็กข้ออ้อยไป 5 ตัน กับโครงสร้างที่ไม่ได้มีฟังก์ชันซับซ้อน “เรียกได้ว่า luxury สุดๆ ถ้ามองจากมุมมองงานออกแบบที่ต้องคิดเรื่องความคุ้มค่า กับ Field Collapse เราแค่อยากให้คนมาดูได้ slow down ค่อยๆ เคลื่อนๆ ไปใน space แคบๆ นี้ ท่ามกลางเมืองกรุงที่เร่งรีบและวุ่นวาย” 

โครงสร้างถูกวางติดประชิดทางเข้าห้องแกลเลอรี่ ทางเดินแคบๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในป่า พาคนเดินขึ้นไปหาจุดกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวของของห้องนิทรรศการนั่นคือ skylight และวนลงมาที่พื้นที่ว่างด้านหลัง ที่ถูกถูกเว้นไว้เพื่อให้มีระยะที่สามารถมองย้อนกลับไปมองโครงสร้าง และใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมเวิร์คช็อป และงานเสวนา “เราอยากให้คนมองเห็น movement ของคนอื่นที่ค่อยๆ เคลื่อนไปในความปรุโปร่งของโครงสร้าง ให้คนดูกลายเป็นส่วนหนึ่งของผลงาน” thingsmatter บอกกับ art4d

แล้วทำไมต้องเหล็กข้ออ้อย? เหตุผลง่ายๆ ตรงๆ ที่ทั้งสองบอกกับ art4d คือว่า ในโลกแห่งความจริงมันคือผู้ปิดทองหลังพระแห่งวงการ (อันต้องถูกปูนเททับทุกครั้งไป) มาในครั้งนี้เขา (เหล็กข้ออ้อย) รับบทเป็นพระเอกหลักในการสื่อสารประเด็นทางสังคมวงการออกแบบหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือ ชนชั้นของตำแหน่งงานและบุคลากรในงานสถาปัตยกรรม Tom อธิบายต่อว่า “สมมติว่าเราทำงานด้วยกัน คุณเป็นนักออกแบบ แต่ผมดูด้าน business อีกคนทำ shop drawing คนอีกกลุ่มใหญ่ๆ นั่นคือช่างก่อสร้าง มันจะต้องมีคนคิดว่า คนที่ออกแบบเนี่ยมันต้องสำคัญที่สุด แต่ขอโทษเถอะ ถ้าไม่มีคนทำด้าน business มันก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีช่างก่อสร้าง คนงาน ตึกก็สร้างไม่เสร็จ” สรุปออกมาง่ายๆ ว่า stakeholder ทั้งหมดทั้งมวลนั้นต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ทุกๆ องค์ประกอบมีหน้าที่ของตัวเองที่จำเป็นต่อการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และธุรกิจองค์รวมของงานสถาปัตยกรรม และพวกเขาหวังว่าการเอา work in progress มาโชว์ในรูปแบบของงานที่เสร็จสมบูรณ์จะทำให้คนดูมองเห็นประเด็นนี้

อีกหนึ่งประเด็นที่ art4d คุยกับ thingsmatter คือการทำงานในบริบทที่ต่างออกไป

Field Collapse ไม่ใช่งาน installation ชิ้นแรกของ thingsmatter พวกเขาทำงานที่ก้ำกึ่ง และสามารถเป็นอะไรได้หลายอย่าง (เช่น ประติมากรรม) นอกเหนือจากการเป็นสถาปัตยกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผลงานโครงสร้างไม้ไผ่ Ligature ที่ Jim Thompson Farm จังหวัดนครราชสีมา และลานหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ในปี 2018 (และอันที่จริงเราอาจจะเห็นเค้าโครงของ Field Collapse ตั้งแต่งาน Caged Flower ที่เหมือนเป็นการทดลองสร้างโครงสร้างรับน้ำหนักด้วยเหล็กข้ออ้อยล้วนๆ ในงานสถาปนิกปี 2017) ที่ต่างออกไปคือครั้งนี้เป็นโปรเจ็คต์กับสถาบันศิลปะอย่าง 100 Tonson Foundation

Caged Flower, 2017 | Photo courtesy of thingsmatter

“ที่ผ่านมา thingsmatter ทำงานที่มีความคาบเกี่ยวมาตลอดนะ ภาพลักษณ์ในวงการสถาปัตยกรรม thingsmatter มีความศิลปะมากๆ แต่พอก้าวเข้ามาในแกลเลอรี่เราเป็น ‘คนนอก’ ทันที” ศาวินี บอกกับ art4d ว่า หนึ่งในเหตุผลสำคัญๆ ที่ thingsmatter พัฒนาโปรเจ็คต์ และตัดสินใจส่ง proposal ไปยัง 100 Tonson Foundation ที่เปิด open call โปรเจ็คต์ศิลปะเมื่อปีที่แล้ว คือพวกเขาต้องการทะลุไปยังพื้นที่การทำงานศิลปะ

“เราต้องการสิ่งนี้ เราต้องการ 100 Tonson Foundation ในฐานะ established art institution ที่จะมาบอกว่างานที่เราทำมันเป็นศิลปะ” ศาวินี กำลังพูดถึง authority ของสถาบันศิลปะในการสถาปนาว่าอะไรเป็นศิลปะหรือไม่เป็นศิลปะ ดังนั้นสำหรับพวกเขา ถ้าถามว่าความท้าทายของการทำงานกับบริบท white cube คืออะไร? มันจึงไม่ใช่แค่ความ craft ในการเขียนแบบเป็นร้อยๆ แผ่น ขั้นตอนการติดตั้งที่ยุ่งยากและข้อจำกัดในการทำงานกับพื้นที่ แต่เป็นช่วงเวลาก่อนที่จะเริ่มทำงานจริงซึ่งก็คือขั้นตอนการพัฒนาไอเดียเพื่อ pitch โปรเจ็คต์แข่งกับศิลปินและคิวเรเตอร์ 

อีกองค์ประกอบในนิทรรศการที่ต่างออกไปจากงานของ thingsmatter ชิ้นก่อนๆ คือวิธีการกำหนดปฏิสัมพันธ์ที่คนดูจะมีต่อแบบก่อสร้าง

“เรามานั่งคิดกันว่าจะใช้พื้นที่ห้องนิทรรศการห้องเล็กยังไงดี โดยรวมๆ แล้วไอเดียคือเราอยากเอาทุกอย่างมากางบนโต๊ะในวิธีที่ต่างออกไป” ศาวินี กล่าวก่อนที่ Tom จะเสริมว่า “ถ้าเราเอาแบบก่อสร้าง 100 แผ่น มาโชว์ คนดูจะอ่านมันในแบบที่อ่านแบบสถาปัตยกรรม แต่ครั้งนี้เราอยากให้คน appreciate แบบก่อสร้างในฐานะ artifact มากกว่า” สำหรับพวกเขา การเอาแบบก่อสร้างมาใส่กรอบจะเปลี่ยนฟังก์ชั่นของแบบก่อสร้างไปจากฟังก์ชันเดิม หรือพูดอีกแบบก็คือ ทำให้แบบก่อสร้างไม่มีฟังก์ชันสำหรับสร้างแต่กลายเป็นภาพคอลลาจชิ้นนึงไป ไอเดียนี้ยังต่อเนื่องไปเป็นผ้าพันคอที่เป็น exhibition merchandise ของนิทรรศการนี้ 

ท้ายที่สุดแล้ว Field Collapse จะเป็นสถาปัตยกรรม หรือศิลปะ เหนือไปกว่า authority ของสถาบันศิลปะคือเป็นอำนาจของคนดูเองว่าจะรับรู้ installation ชิ้นนี้ในฐานะอะไร แต่ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า Field Collapse ให้ความรู้สึกที่ต่างออกไปจากนิทรรศการศิลปะที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานกับพื้นที่แกลเลอรี่ในเชิงปริมาตร ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนดูกับชิ้นงานที่ดูจะใกล้ชิดกว่าศิลปะทั่วๆ ไป การเปลือยให้เห็นสัจจะของวัสดุ รวมถึงความหลากหลายของกิจกรรมที่จัดขึ้นในตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา Field Collapse เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนในฐานะสถานการณ์ใหม่ของห้องจัดแสดงศิลปะเมื่อมันตกอยู่ในมือของสถาปนิก 

Field Collapse โดย thingsmatter จัดแสดงถึงวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ที่ 100 Tonson Foundation เวลาทำการ วันพฤหัสบดี – วันศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น. และ วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 11.00 – 19.00 น.

instagram.com/thingsmatterbkk
thingsmatter.com
facebook.com/100TonsonFoundation

WAREHOUSE

นิทรรศการที่พาไปดูเบื้องหลังของแกลเลอรี่ และความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างชิ้นงานต่างๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสภาวะจัดแสดง พนักงานที่ทำงานอยู่จริงๆ รวมถึงผู้ชมที่เข้ามายังนิทรรศการ

Read More

DREAMDAY

มิตร ใจอินทร์ แฝงเรื่องราวของพุทธศาสนา ความผูกพันของเขาต่อวัฒนธรรมท้องถิ่นในภาคเหนือของประเทศไทย รวมถึงพื้นหลังทางการเมืองของประเทศไทยที่ยังไม่ไปไหนเสียที ผ่านนิทรรศการที่เต็มไปด้วยงานศิลปะหลากสีสัน

Read More

MOK PANWA CHRISTMAS TREE

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงราย สร้างสีสันส่งท้ายปี ด้วยต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาด้วยลูกบอลอันรวมอัตลักษณ์ของ 6 ชนเผ่าในเชียงรายไว้ด้วยกัน ทั้งยังสร้างขึ้นวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น สะท้อนวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่าที่เรียบง่ายและผูกพันกับธรรมชาติ

Read More