Tag: photography
PHOTO ESSAY : SPEND TIME
TEXT & PHOTO: PEERAPAT WIMOLRUNGKARAT
(For English, press here)
ไร่แม่ฟ้าหลวง (อุทยานศิลปะวัฒนธรรมแม่ฟ้าหลวง) เป็นสถานที่ที่ผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนทุกครั้ง ที่ขึ้นไปเชียงราย (ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 7)
สถานที่แห่งความสุขความทรงจำ ในครั้งแรกที่ได้ขึ้นไปสัมผัสกับความสงบและสง่าของที่แห่งนี้
หลายปีก่อนได้มีโอกาสไปร่วมงานแต่งงานของรุ่นพี่ที่เคารพทั้งสองท่าน ครั้งนั้นก็ได้มีคำมั่นกับตัวเอง ว่าครั้งหน้าจะมาเชียงราย และจะต้องกลับมาอีกให้ได้
ใครจะคิดว่าคำความคิดวันนั้น ทำให้ผมได้หวนเวียนกลับมาอีกตอนต้นปี 2023 ผมได้มีโอกาสขึ้นมา ที่จังหวัดเชียงราย หลังจากได้ถ่ายงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ผม อาจารย์ และพี่พี่ ได้มีโอกาสมาชม นิทรรศการ Light of Life ที่จัดขึ้นในช่วงเวลานั้นพอดิบพอดี รวมทั้งบรรยากาศก็ดี ผมได้ถือโอกาส มาชมทั้งเวลาค่ำคืนที่จัดแสงไฟ และตอนกลางวันที่ไม่เปิดแสดงไฟ
ความสวยงามของไร่แม่ฟ้าหลวงทำให้ผมต้องหลงเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นจังหวะการจัดวางชิ้นงานศิลปะ ในแต่ละชิ้น ที่สอดรับขับกล่อมไปกับสวนและอาคารงานสถาปัตยกรรม
และในครั้งนี้ (2024) ผมได้มีโอกาสใช้เวลากลับมาบันทึกภาพไร่แม่ฟ้าหลวงอย่างจริงจัง และเพลิด เพลินกับงาน Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ที่ไร่แม่ฟ้าหลวง เป็นอีกหนึ่งในสถาน ที่จัดแสดงงานของศิลปินหลายท่าน ด้วยพื้นที่ที่เหมาะกับการจัดแสดงงานศิลป์ในรูปแบบต่างๆ แล้ว บรรยากาศในการถ่ายงานครั้งนี้ของผมนั้นเสมือนกับการได้พักผ่อนจิตใจไปในคราวเดียวกัน
การที่เราให้เวลากับพื้นที่ ให้นาทีกับงานศิลปะชิ้นนั้นๆ ทำให้เราค่อยๆ ซึมซับพลังงานจากสถานที่ และศิลปิน เหมือนการจิบเครื่องดื่มที่ถูกปาก หอมคอ ในเวลาเดียวกัน
การที่ได้มีโอกาสเดินและสัมผัสกับธรรมชาติภายในไร่แม่ฟ้าหลวงนั้นทำให้ผมค่อยๆ สังเกตตัวเองในเรื่องการมองโลก การมองพื้นที่ที่เปลี่ยนไป ไม่รีบเร่งและมีการวางแผนสำหรับการถ่ายทำงาน และ เพลินกับงานสถาปัตยกรรม พร้อมกับตั้งคำถามโน่นนี่นั่นไป สัมผัสรอยยิ้มของกลิ่นอายของต้นหญ้า เสียงใบไม้ทักทายกัน สร้างบรรยากาศสุขสงบ ทำให้ผมหลงรักพื้นที่แห่งนี้ขึ้นมา จนรู้สึกว่า “อยากมีบ้านอยู่เชียงรายครับ”
_____________
พีรพัฒน์ วิมลรังครัตน์ (แอ๊ด) ช่างภาพผู้ชื่นชอบเก็บบันทึกภาพนิ่ง ที่มีความเคลื่อนไหวในความทรงจำ
Leica Ambassador (Thailand)
Architecture photography @somethingarchitecture
PHOTO ESSAY : PRATEEP’S VISION V
TEXT: PRATCHAYAPOL LERTWICHA
PHOTO: PRATEEP TANGMATITHAM
(For English, press here)
อิสรภาพในการเดินทางพลันดับสิ้นไปเมื่อโรคระบาดเข้ามาเยือน โลกตกอยู่ภายใต้ภาวะชะงักงัน สรรพสิ่งหยุดนิ่ง แต่เมื่อฝันร้ายมลายหายไป ชีวิตกลับมาโลดแล่น และผู้คนเริ่มต้นออกเดินทางเช่นเคย แต่การเดินทางในคราวนี้กลับต่างออกไป เพราะภาพทัศน์ที่มองเห็นรอบกายนั้นให้ความรู้สึกสดใหม่ไม่เหมือนเดิม
หลังวิกฤตการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม หัวเรือใหญ่ของบริษัทศุภาลัย ออกเดินทางซึมซับความงามของโลกกว้างด้วยดวงตาคู่ใหม่ พร้อมบันทึกความประทับใจลงในหนังสือและนิทรรศการภาพถ่ายประทีปทัศน์ 5 ซึ่งสะท้อนทั้งความงามของต้นไม้ภูเขา ทะเล สถาปัตยกรรม ผู้คน และมุมมองของชีวิต ที่ดร.ประทีปสั่งสมมาอย่างยาวนาน
_____________
ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
PHOTO ESSAY : TIME STANDS STILL
TEXT & PHOTO: PRADITCHYA SINGHARAJ
(For English, press here)
ผมสนใจในการ capture ช่วงเวลาของสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัวเรา โดยแทนที่ภาพถ่ายจะเก็บสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลา 1/100 หรือ 1/1000 วินาที แต่เป็น 1 วินาที หรือนานกว่านั้น การรับรู้ของคนเราไม่สามารถหยุดเวลาเป็นเศษเสี้ยวของวินาทีได้ เวลามันเคลื่อนที่ สรรพสิ่งมันเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
ภาพชุดนี้ผมถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมันตอบโจทย์ได้ดีเกินคาดมาก สามารถถ่ายภาพ long exposure ได้อย่างง่ายดาย ทุกเวลาและสถานที่ แทนการถ่าย long exposure ทั่วไปที่อาจเป็นไปไม่ได้เลยในบางช่วงเวลาและสถานที่ที่แสงอาจมากเกินไป หรือที่ที่เราไม่สามารถตั้งขาตั้งกล้องได้
ภาพถ่ายมันบอกความเป็นตัวตนของเรา ผมคิดเสมอว่าการที่เราถ่ายภาพ กล้องและเลนส์ มันเป็นเพียงแค่อุปกรณ์ แต่การนำภาพที่เราเห็นหรือรู้สึกออกมาให้ได้นั้นสำคัญกว่า
_____________
ประดิชญา สิงหราช Managing Director ประจำบริษัท Innovative Design & Architecture Co.,Ltd. ชอบถ่ายภาพ ฟังเพลง และหมกมุ่นกับการสร้างเครื่องขยายเสียง
PHOTO ESSAY : HUMAN TRACE
TEXT & PHOTO: DITTA SUTHEPPRATANWONG
(For English, press here)
เราต่างเดินบนพื้น เราสร้างบ้านบนพื้น เราเพาะปลูก หาอาหารและใช้ชีวิตบนพื้น และการมีอยู่ของเราล้วนถูกกำหนดอยู่บนระนาบนอนภายใต้แรงโน้มถ่วง จึงไม่แปลกเลยที่พื้นจะเต็มไปด้วยร่องรอยของมนุษย์
ทุกครั้งที่เราใช้ชีวิต ทุกครั้งที่เราเดินทาง ทุกครั้งที่เราประกอบกิจกรรมต่างๆ เราต่างเคยทิ้งร่องรอยหรือเศษเสี้ยวของเรา ทั้งทางรูปธรรมและนามธรรมไว้บนพื้นทั้งสิ้น
ผมจึงเกิดความสงสัยใคร่รู้ เริ่มต้นศึกษาความเป็นมนุษย์ ผ่านสมมติฐานที่ว่า หากเราบันทึกร่องรอยที่หลงเหลือเหล่านั้น แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน จะสามารถประกอบสร้างความเป็นมนุษย์ขึ้นมาใหม่เหมือนกับการต่อเลโก้ได้หรือไม่ ดังเช่นที่เราทุกคนต่างก็เคยเก็บเศษเสี้ยวของคนอื่นมาเป็นของตัวเอง ทั้งหยิบยื่นบางส่วนของตนเองให้คนอื่น หรือแม้กระทั่งการเผลอทำบางส่วนของตัวเองหล่นพื้น
ภาพชุดนี้จึงรวบรวมร่องรอยของมนุษย์ที่หลงเหลือบนพื้นเอาไว้และใช้ความผิดที่ผิดทาง เป็นชนวนขับเน้นร่องรอยเหล่านั้น พร้อมกับเชิญชวนผู้ชมมาลองประกอบสร้างความเป็นมนุษย์ขึ้นมาใหม่ผ่านความคิดและวิจารณญาณส่วนตัวของแต่ละคน ขอให้สนุกครับ
_____________
ดิษฐา สุเทพประทานวงศ์ นักเรียนสถาปัตย์ที่กลายมาเป็นช่างภาพสถาปัตยกรรม และศิลปินอิสระ ปัจจุบันเป็นช่างภาพให้กับ W Workspace
PHOTO ESSAY : THE DISTANT EVERYDAY
TEXT: BANGKOK TOKYO ARCHITECTURE
PHOTO: BANGKOK TOKYO ARCHITECTURE AND PAKKATUS PROMSAKA NA SAKOLNAKORN
(For English, press here)
The Distant Everyday เป็นการสนทนาด้วยภาพระหว่างสถาปัตยกรรม การสังเกต และภาพที่เห็นในชีวิตประจําวัน อาจให้เหตุผลได้ว่าสถาปัตยกรรมเป็นผลมาจากการบรรจบกันของความเห็นและแนวคิดที่หลากหลาย ในฐานะผู้สังเกตการณ์ของสภาพแวดล้อม เราค้นหาความเชื่อมโยงของบริบทต่างๆ ที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง ภาพถ่ายที่นําเสนอนี้เป็นส่วนหนึ่งของภาพอีกมากมายของเราซึ่งสะสมมาตั้งแต่ปี 2559 เป็นการถ่ายฉากทัศน์และวัตถุในกรุงเทพฯ และโตเกียว ตามแต่โอกาส โดยไม่มีการเรียงลําดับและการจัดหมวดหมู่เป็นการเฉพาะใดๆ แต่ละภาพดูธรรมดา แต่เมื่อวางอยู่ด้วยกันแล้วจะกลายเป็นที่มาของแรงบันดาลใจและความคิด นอกจากนี้ ยังเผยให้เห็นถึง ความสามารถโดยธรรมชาติของสถาปัตยกรรมในการเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง
_____________
Bangkok Tokyo Architecture เป็นสตูดิโอออกแบบสถาปัตยกรรม ก่อตั้งโดย วทันยา จันทร์วิทัน และ Takahiro Kume ในปี 2017 เราหลงใหลในโครงสร้างแบบปลายเปิด การประกอบกันของวัสดุทั่วๆ ไป และการลด เส้นแบ่งระหว่างความธรรมดาและความพิเศษ
INSIDE STUDIOS: INDONESIAN ARTISTS
หนังสือที่พาไปรู้จักกับตัวตนในแบบที่เป็นกันเองของศิลปินและสตูดิโอ 25 แห่งในอินโดนีเซีย ผ่านรูปถ่ายข้าวของกระจุกกระจิกในสตูดิโอ และ Q&A สนุกๆ ที่ให้ศิลปินตอบกันได้ตามใจ
Read More
PINK, BLACK & BLUE
นิทรรศการที่พาเราไปสำรวจชีวิตของมานิต ศรีวานิชภูมิ ศิลปินภาพถ่าย ผ่านสีดำ สีน้ำเงิน และการเดินทางสู่ความตายและโลกหน้าของ ‘Pink man’ ไอคอนสำคัญที่ศิลปินสร้างขึ้นมา ทั้งชวนให้เรานึกถึงเหตุการณ์การช่วงชิงความหมายของสีสันต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ของการเมืองไทย
TEXT: TUNYAPORN HONGTONG
PHOTO: KETSIREE WONGWAN
(For English, press here)
เอ่ยชื่อ มานิต ศรีวานิชภูมิ เมื่อไร หลายคนก็มักจะนึกถึงพิงค์แมนเมื่อนั้น เพราะภาพถ่ายชุด Pink Man คือผลงานที่สร้างชื่อให้เขามากที่สุด ทั้งในประเทศไทยและระดับนานาชาติ ถึงขนาดบางคนเคยเข้าใจว่าพิงค์แมนที่ปรากฏอยู่ในภาพถ่ายคือตัวมานิตเองด้วยซ้ำ (จริงๆ แล้ว ผู้รับบทพิงค์แมนคือ สมพงษ์ ทวี กวีและศิลปินด้านศิลปะการแสดงสด)
มานิตสร้างตัวละครพิงค์แมนขึ้นในปี 1997 โดยวางคาแร็กเตอร์ให้พิงค์แมนเป็นชายชาวเอเชียร่างอ้วน สวมสูทผู้บริหารผ้าซาตินสีชมพูสด (shocking pink) และเดินทางไปไหนต่อไหนพร้อมรถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ตอันว่างเปล่าที่อยู่ในโทนสีเดียวกันกับสูทของเขา มานิตใช้พิงค์แมนเป็นตัวแทนของลัทธิบริโภคนิยมแบบสุดโต่งที่กำลังครอบงำสังคมไทย ซึ่งระดับความสุดโต่งของการบริโภคนั้นถึงขั้นที่ไม่แคร์เรื่องในสังคมอื่นใดที่ไม่เกี่ยวกับตนเองเลยก็ว่าได้ หลังจากนั้น มานิตสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่าย Pink Man ออกมาอีกหลายชุด โดยพิงค์แมนเดินทางไปปรากฏอยู่ตามสถานที่และเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยใบหน้าเฉยชาไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ เช่น ‘Pink Man on Tour’ (1998) หรือแม้แต่ในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศ อย่าง การล้อมปราบและสังหารหมู่นักศึกษาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และพฤษภาทมิฬ 2535 ในผลงานชุด ‘Horror in Pink’ (2001) มานิตก็ยังพาพิงค์แมนไปอยู่ในภาพถ่ายอันแสนสะเทือนใจด้วยสีหน้าราวกับกำลังชมมหรสพก็ไม่ปาน
ในซีรีส์ส่วนมาก พิงค์แมนจะเป็นจุดที่โดดเด่นที่สุดของภาพ หรือใน ‘Hungry Ghost’ (2003) พิงค์แมนไม่เพียงเป็นตัวละครหลัก แต่ยังมีขนาดใหญ่เหนือจริงเท่ากับอาคารสูงเสียดฟ้า ซึ่งขนาดที่ว่าก็น่าจะพอๆ กับอัตตาของตัวเขาเอง อย่างไรก็ดี ในบางซีรีส์ โดยเฉพาะ ‘Pink Man in Venice’ (2003) มานิตกลับเลือกถ่ายภาพพิงค์แมนในระยะไกล จนพิงค์แมนเหลือตัวเล็กนิดเดียว แถมในบางภาพยังยืนเหม่อออกไปในผืนน้ำกว้างและข้างกายก็ไม่มีรถเข็นสี shocking pink จนในตอนนั้น เราสงสัยไม่ได้ว่าการเดินทางครั้งต่อไปของพิงค์แมนจะเป็นอย่างไร? จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรือไม่? หรือว่าหลังจากบริโภคทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอดชีวิตแล้วจุดจบของพิงค์แมนจะอยู่ในรูปแบบไหน?
กว่าคำตอบที่ว่าจะมีออกมาให้เห็น พิงค์แมนก็ผ่านการเดินทางมาอีกมากมายจนกระทั่ง ปี 2018 ในซีรีส์ ‘The Last Man and the End of His Story’ (2018) มานิตถ่ายภาพแนวสตรีทดิบๆ ที่ในแต่ละภาพมีถุงใส่ศพสีชมพูวางอยู่ตามถนนหนทางในสหรัฐอเมริกา โดยมีรถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ตสีเดียวกันวางทิ้งขว้างอยู่ข้างๆ แน่นอน นี่คือการบอกเล่าถึงความตายของพิงค์แมน แต่เมื่อพิจารณาผลงานอีกชิ้นที่ออกมาในปีเดียวกัน นั่นคือ ‘Dropping the Pink Self’ (2018) เราก็เริ่มไม่แน่ใจว่าความตายของพิงค์แมนที่ว่าคือเสียชีวิตหรือเป็นการอุปมาถึงการละทิ้งบางสิ่งบางอย่างไป เพราะใน ‘Dropping the Pink Self’ มานิตหยิบยืมไอเดียมาจากผลงาน ‘Dropping a Han Dynasty Urn’ (1995) ของ Ai Weiwei แต่ในขณะที่ Ai ปล่อยโถโบราณจากราชวงศ์ฮั่นให้ตกลงแตกกระจายเพื่อสื่อถึงยุคสมัยแห่งการรื้อทำลายและสร้างวัฒนธรรมจีนขึ้นใหม่ พิงค์แมนปล่อยตุ๊กตาจำลองของตัวเองตกลงพื้นจนหัวขาดกระเด็น
สองผลงานดังกล่าวถูกนำกลับมาแสดงอีกครั้งในนิทรรศการเดี่ยวล่าสุดของมานิตที่ชื่อ Pink, Black & Blue รวมทั้งยังมีซีรีส์ใหม่ที่ต่อไปจากความตายของพิงค์แมนอีก คือ ‘Afterlife So Pink #2’ (2023) อินสตอลเลชันที่มีตุ๊กตาจำลองพิงค์แมนอยู่บนเรือไม้ สัญลักษณ์สากลที่เปรียบเสมือนการข้ามผ่านไปสู่โลกหลังความตาย แต่เพราะเป็นพิงค์แมน บนเรือจึงมีเศียรพระพุทธรูปวางอยู่และเรือนั้นก็อยู่ในอ่างเป่าลมสำหรับเด็กที่มีลวดลายเป็นสัตว์ทะเลแบบคิชๆ (kitsch) ส่วนผลงานอีกชุดคือ ‘Heavenly Pink’ (2023) พิงค์แมนไปปรากฏอยู่ในจิตรกรรมฝาผนังไทยโบราณ ตั้งแต่รูปสวรรค์ชั้นฟ้าที่รายล้อมไปด้วยเทวดานางฟ้า ในพุทธประวัติที่พระพุทธเจ้าเจอกับองคุลีมาล หรือแม้แต่ในจิตรกรรมฝาผนังของขรัวอินโข่ง (ผลงานศิลปะของศิลปินหัวก้าวหน้าในอดีตที่ศิลปินไทยร่วมสมัยหลายคนหยิบมาใช้ในผลงานของตัวเองในช่วงที่ผ่านมา) การเดินทางของพิงค์แมนในซีรีส์นี้เปิดกว้างการตีความได้มันพอๆ กับภาพที่มานิตสร้างขึ้นมา เพราะเราสามารถจะคิดไปได้ตั้งแต่ว่า นี่คือการเดินทางของพิงค์แมนหลังปลดแอกตัวเองออกจากการบริโภค หรืออาจเป็นแค่ความฝันของเขาเองที่แม้จะตายไปแล้วแต่ก็ยังไม่หมดความปรารถนา
เรื่องของพิงค์แมนจัดอยู่ในส่วนของ Pink หนึ่งในเฉดสีที่ปรากฏอยู่ในนิทรรศการ Pink, Black & Blue ส่วนอีกสองเฉดสีที่เหลือคือ Black หมายถึง ‘When I was Twenty’ งานภาพถ่ายขาวดำของมานิตสมัยยังเป็นนักศึกษา และ Blue คือในส่วนของ ‘I Saw A Blue Wing’ ภาพถ่ายที่มานิตใช้การ snapshot เรื่องราวและผู้คนต่างๆ ที่พบเจอระหว่างการเดินทางไปร่วมเทศกาลงานศิลปะในต่างประเทศ โดยผลงานทั้งสองส่วนนี้ แม้จะไม่ได้มีเนื้อหาเข้มข้นเหมือน Pink แต่ก็ทำให้เรารู้จักตัวตนของมานิตมากขึ้น โดยเฉพาะความขบถ (Black) ที่มีให้เห็นตั้งแต่ในงานสมัยเป็นนักศึกษาและอารมณ์ขันที่บางครั้งติดตลกร้ายนิดๆ (Blue) ในภาพ snapshot ซึ่งทั้งสองส่วนยังคงเป็นลักษณะที่เราพบในการทำงานศิลปะของเขาจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี บทบาทสำคัญของ Black และ Blue ที่เข้ามาอยู่ร่วมกับ Pink ไม่น่าจะหมดเพียงแค่นั้น แต่การที่มานิตเลือกใช้โทนสีมากกว่าแค่สีชมพูเพียงอย่างเดียวในครั้งนี้ น่าจะเป็นความต้องการของเขาที่จะพูดถึงการสร้างความหมายเฉพาะให้กับ ‘สี’ แต่ละสีในสังคมไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การใช้สีเพื่อบ่งบอกจุดยืนทางการเมือง หรือแม้แต่อาจย้อนไปถึงการใช้สีเพื่อสื่อถึงความเป็นชาติ
ไม่ว่าการสร้างความหมายดังกล่าวจะเป็นไอเดียของใคร มีจุดประสงค์แท้จริงเพื่ออะไร หรือตื้นเขินแค่ไหน แต่มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่เราทุกคนต่างยอมรับโดยทั่วกัน จนทำให้คนเสื้อแดงหลายคนไม่ยอมใส่เสื้อเหลืองอีกเลย และคนเสื้อเหลืองก็จะไม่มีวันหยิบเสื้อแดงมาใส่ออกจากบ้าน (ยกเว้นตรุษจีน) สำหรับมานิต การให้ความหมายแก่สีนี้ทำให้สังคมไทยแตกออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ซึ่งก่อให้เกิดการแช่แข็งของประเทศ รวมทั้งในด้านเศรษฐกิจที่วางอยู่บนบริโภคนิยม โดยเราจะเห็นความคิดเห็นของเขาในเรื่องนี้ได้จาก ‘Afterlife So Pink #1’ อินสตอลเลชันที่เขาเอาตุ๊กตาจำลองพิงค์แมนไปใส่ไว้ในก้อนเรซินที่ทำให้เหมือนก้อนน้ำแข็ง และจัดวางอยู่บนถังน้ำแข็งสีน้ำเงินและแดง ส่วนอินสตอเลชันอีกชิ้นที่เหลือ ‘Stay Pink’ (2023) ที่รถเข็นซูเปอร์มาร์เก็ตของพิงค์แมนมีสายน้ำเกลือห้อยระโยงระยางอยู่เต็มไปหมด ก็คือความพยายามรักษาการบริโภคของผู้คนในสังคมไว้ เพราะแม้การแตกแยกในสังคมอาจเอื้อประโยชน์ต่อชนชั้นปกครอง แต่เมื่อการบริโภคถูกกระทบกระเทือน ทุนนิยมก็ด้อยลงตาม และชนชั้นสูง-นายทุนก็สูญเสียผลประโยชน์
ในซีรีส์ Pink Man ของมานิต พิงค์แมนคือชายในชุดสูทสีชมพูผ้ามันวาวดูน่าขยะแขยง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง พิงค์แมนอาจอยู่ในเสื้อหรือสูทสีอื่นก็เป็นได้ และก่อนที่จะมองเห็นได้ว่าใครกันแน่ที่คือพิงค์แมน เราอาจต้องข้ามผ่านความหมายของสีที่ฉาบไว้เพียงผิวเผินภายนอกเสียก่อน
นิทรรศการ Pink, Black & Blue: A Solo Photographic Exhibition by Manit Sriwanichpoom จัดแสดงที่ Hub of Photography (HOP) ชั้น 3, MUNx2 ศูนย์การค้าซีคอนแสควร์ ศรีนครินทร์ จนถึงวันที่ 9 เมษายนนี้
THAI TAXI TALISMANS
สรรพสิ่งมหัศจรรย์บนรถแท็กซี่ไทย เป็นแรงบันดาลใจให้ Dale Konstanz ถ่ายภาพห้องโดยสารรถ ค้นคว้าข้อมูลเครื่องรางต่างๆ ข้างใน และรวบรวมข้อมูลจนกลายเป็นหนังสือที่สะท้อนความเชื่อแบบไท้ยไทยให้เราเห็น Read More
PHOTO ESSAY : A YEAR COUNTDOWN
TEXT & PHOTO: JITTINUN JITHPRATUCK
(For English, press here)
ภาพถ่ายบันทึกความทรงจำของอาคารแปลนเฮาส์ 1 บนถนนสาทร ซอย 10 ในปีสุดท้ายของการใช้งานเป็นสำนักงานของกลุ่มบริษัทแปลน หลังจากก่อสร้างและใช้งานมานานกว่า 30 ปี ที่ดินที่อาคารตั้งอยู่กำลังจะหมดสัญญาเช่าภายในปี 2566 นี้ และวันหนึ่งที่แห่งนี้คงหลงเหลือไว้เพียงความทรงจำ
_____________
จิตตินันท์ จิตรประทักษ์ สถาปนิกบริษัทแปลน อาคิเต็ค เริ่มเข้าทำงานตั้งแต่ปี 2012 บันทึกภาพมุมหนึ่งของที่ทำงานที่มองเห็นในแต่ละวันผ่านความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล