Category: PHOTO ESSAY

PHOTO ESSAY : GEOMETRIC FORMS IN URBAN ARCHITECTURE


TEXT & PHOTO: PUTTIPONG NIPATUTIT 

(For English, press here

 รูปทรงเรขาคณิตกับงานสถาปัตยกรรมในเมืองผ่านมุมมองฟิล์ม

สถาปัตยกรรมในเมืองเต็มไปด้วยรูปทรงเรขาคณิตที่สะท้อนถึงโครงสร้างและแนวคิดการออกแบบของแต่ละยุคสมัย เส้นสายของอาคารมักเรียบง่าย แต่กลับแฝงด้วยมิติของแสง เงา และสีสันที่ทำให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่าง

การถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับองค์ประกอบเหล่านี้ด้วยโทนสีที่เป็นธรรมชาติ เนื้อฟิล์มช่วยให้ภาพดูมีมิติ นุ่มนวล และจับอารมณ์ของสถานที่ได้เป็นพิเศษ ฟิล์มยังมีข้อจำกัดด้านจำนวนภาพ ทำให้ผมต้องใส่ใจกับองค์ประกอบในแต่ละเฟรมมากขึ้น

ในภาพสถาปัตยกรรม เมืองอาจถูกลดทอนให้เหลือเพียงรูปทรงสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม หรือเส้นโค้งที่เรียบง่าย แต่เมื่อมองผ่านเลนส์ของกล้องฟิล์ม สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นเรื่องราวของแสงและเงาที่เคลื่อนไหวไปตามเวลา ถ่ายทอดความงามของเมืองที่คงอยู่เหนือกาลเวลา

___________________

พุทธิพงศ์ นิพัทธอุทิศ (แอมป์) เจ้าของโรงพิมพ์ดิจิตอลเล็กๆ ที่ชอบการถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ

facebook.com/amp.puttipong
instagram.com/amp_puttipong

PHOTO ESSAY : HONG KONG SOLITAIRE


TEXT & PHOTO: PATRICK KASINGSING

(For English, press here

ฮ่องกงทำให้ฉันประทับใจอย่างที่ไม่มีเมืองไหนทำได้ ตั้งแต่การเยือนครั้งแรกในปี 2017 จนถึงการแวะเยี่ยมเยียนครั้งล่าสุดเมื่อกันยายนที่ผ่านมา พื้นที่เพียง 1,108 ตารางกิโลเมตร อันเต็มไปด้วยความแตกต่างนี้ยังคงชวนให้ฉันกลับไปตลอด การเดินทางกลับมาทุกครั้งราวกับเป็นการค้นพบเรื่องราวครั้งใหม่อยู่เสมอ อะไรที่คุ้นเคยก็กลับมีบางอย่างแตกต่างไปตลอดเวลา มันเป็นดินแดนที่หอคอยกระจกและเหล็กตั้งสูงตระหง่านเหนือถนนหนทาง ขณะเดียวกันก็ยังคงตัวตนและจิตวิญญาณของช่วงเวลาที่แตกต่าง บนที่แห่งนี้ “นครหลวงของโลกเอเชีย” ค่อยๆ ละลายลงเป็นร่องรอยแห่งอดีตของการเป็นเมืองท่าที่รู้จักกันในนาม Fragrant Harbor

ฮ่องกงอื้ออึงไปด้วยความเร่งรีบ มันเร็ว อึกทึก และไม่หยุดยั้ง แต่ในบางครั้งคราว มันก็หยุดนิ่ง หายใจลึก และเผยโฉมด้านที่เงียบสงบ อันเป็นช่วงเวลาอันหาได้ยากที่ฉันต้องการบันทึกไว้ในภาพชุดนี้ ร่างของบุคคลเดียวดายยืนอยู่ใต้เงาตึกระฟ้า หญิงสวมชุดเขียวที่ตกอยู่ในห้วงความคิดตนเองริมถนน Avenue of Stars หรือถนนของเขตเยาวมาไตที่ค่อยๆ ตื่นขึ้นในยามรุ่งเช้า ช่วงเวลาเงียบสงบเหล่านี้ ซึ่งแทบจะถูกมองข้ามท่ามกลางความเร่งรีบของเมือง กลับเป็นสิ่งที่ฉันมักจะสนใจ เป็นรายละเอียดเล็กอันแท้จริงของมนุษย์ที่ซึ่งสะท้อนและก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นตัวตนของฮ่องกง

___________________

แพทริก คาซิงซิง (Patrick Kasingsing) เป็นผู้อำนวยการศิลป์ ช่างภาพ นักเขียน และนักอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมชาวฟิลิปปินส์ เขาก่อตั้งแพลตฟอร์ม @brutalistpilipinas และ @modernistpilipinas เพื่อเฉลิมฉลองมรดกทางสถาปัตยกรรมของประเทศ และเริ่มต้น Kanto.PH นิตยสารออนไลน์ที่นำเสนอการออกแบบและวัฒนธรรมในฟิลิปปินส์และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขายังเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของนิตยสารสถาปัตยกรรม BluPrint ที่ช่วยฟื้นฟูอัตลักษณ์องค์กร รวมถึงควบคุมการออกแบบสร้างสรรค์สำหรับสิ่งพิมพ์ของ One Mega Group หลายฉบับ ในฐานะผู้อำนวยการศิลป์ของนิตยสาร adobo เขาได้รับรางวัล Philippine Quill จากผลงานการปรับภาพลักษณ์ ผลงานเขียนและภาพถ่ายของเขายังปรากฏในสิ่งพิมพ์ต่างๆ อาทิ Birkhäuser Verlag, Braun, DOM Publishers, PURVEYR และ Vogue Philippines

instagram.com/patrick_kasingsing

PHOTO ESSAY : TW W/O HM


TEXT & PHOTO: SUKRIT PATJUNTADUSIT

(For English, press here

ลองจินตนาการดูว่า “โลกจะเป็นยังไงหากพวกเราหายไปในวันพรุ่งนี้เลย”

คือคำโปรยของหนังสือ The World without US ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญของผลงานชุด TW w/o HM

งานชุดนี้ส่วนตัวแล้วมันคือการเข้าไปสำรวจพื้นที่ที่ครั้งหนึ่งได้เคยมีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์ และได้สูญหายไปจากพื้นที่ตรงนั้นด้วยเหตุผลบางอย่าง จากที่ได้ไปเห็นมาในหลายๆ พื้นที่ เราพบว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่ปรับตัวได้เก่งมากๆ มันใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟูสถานที่ที่ถูกช่วงชิงไป แต่สำหรับมนุษย์เราอาจหมายถึงช่วงทศวรรษหนึ่งได้เลย เราก็เลยต้องสร้างตัวแทนขึ้นมาเพื่อยืนยันการดำรงอยู่ของเรา อย่างเช่นที่บรรพบุรุษเราได้เคยวาดภาพการล่าที่ยิ่งใหญ่ และประทับลายมือลงบนผนังถ้ำ กลับมาในยุคสมัยของเราก็จะเป็นพวกอาคารโครงสร้างสิ่งก่อสร้างและรูปปั้นสัตว์ในจินตนาการ

ในผลงานภาพถ่ายชุดนี้ก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่องราวที่เราหยิบยกมา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตของพวกเรามากขึ้น มลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 ที่มาจากการเผาป่า รวมๆ แล้วมันคือบันทึกของการสำรวจหลักฐานการกระทำของพวกเราที่มีต่อโลกใบนี้ เพื่อย้ำเตือนว่าเราควรที่จะรักษาบ้านหลังนี้เอาไว้ เพราะมันอาจไม่มีบ้านหลังใหม่แล้วก็ได้

___________________

สุกฤษฎิ์ ปัจจันตดุสิต หรือ SiiXTY-4 ปัจจุบันทำงานเป็นช่างภาพแฟชั่นเพื่อหาเงินมาทำงานในส่วนของความชอบตัวเองอีกที ส่วนตัวแล้วตอนนี้สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ เพราะโลกในตอนนี้รับการกระทำของมนุษย์เราไม่ไหวแล้ว เลยอยากเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ช่วยตะโกนว่า “ช่วยกันดูแลบ้านหลังนี้หน่อยโว้ยยย”

siixty-4.com
facebook.com/SukritPatjuntadusit

PHOTO ESSAY : EVERYTHING JINGLE BELL


TEXT & PHOTO: BARRY MACDONALD 

(For English, press here) 

เทศกาลคริสต์มาสในประเทศอังกฤษ เป็นวันหยุดและเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่สำคัญที่สุดของปี ในช่วงฤดูหนาวที่มืดมน เทศกาลนี้จึงเป็นเทศกาลที่เรารอคอย เป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้เวลารร่วมกับครอบครัวและคนที่เรารัก เป็นโอกาสที่ผู้คนได้เฉลิมฉลอง พักผ่อน ได้ทบทวนปีที่ผ่านไป และรวมถึงวางแผนปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ในช่วงปี 2022 และ 2023 ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เฉลิมฉลองคริสต์มาสในประเทศไทย และรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความกระตือรือร้นของคนไทยเกี่ยวกับวันคริสต์มาส ตั้งแต่การตกแต่งห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไปจนถึงงานปาร์ตี้คริสต์มาสของแต่ละออฟฟิศ การแลกของขวัญระหว่างเพื่อนๆ หลายๆ ประเพณีที่ผมรู้จักเกี่ยวกับวันคริสมาสต์ได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ หรือมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมไทย การได้เห็นคริสต์มาสผ่านวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก โปรเจกต์ของผมต้องการที่จะแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของคริสต์มาสในประเทศไทย

ในประเทศไทย ‘Everything jingle bell’ เป็นภาษาพูดที่หมายถึง ‘ของเยอะแยะไปหมด’ หรือ ‘ทุกอย่าง’ ซึ่งคนใช้กันเพราะเสียงของคำว่า ‘ติง’ กับ ‘จิง’ คล้องจองกันเฉยๆ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาสเลย วลีนี้สามารถใช้ได้ทั้งปี เป็นการแสดงถึงการรับวัฒธรรมเข้ามาแบบไทยๆ ในอีกรูปแบบหนึ่ง

___________________

แบร์รี่ แมคโดนัลด์ (เกิดปี 1984) เป็นช่างภาพจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มต้นจากการ ถ่ายภาพนักดนตรี และได้ค้นพบความสนุกจากการเดินทางในขณะที่ออกทัวร์กับวงดนตรีต่างๆ ทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา ต่อมาเขาได้พัฒนาสู่การถ่ายภาพที่ผสมผสานระหว่างแนวสตรีท และสารคดี เขาสนใจในสังคมวิทยาและพยายามแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและธรรมชาติของ มนุษย์ผ่านการถ่ายภาพของเขา เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 2022

barrymacdonald.co.uk
instagram.com/barrymac84

PHOTO ESSAY : TRANSFORMATION THEORY

TEXT & PHOTO: SIRAWIT KUWAWATTANANONT

(For English, press here

‘Gain in entropy always means loss of information and nothing more.’ – G. N. Lewis 1930

สิ่งมีชีวิตต่างล้วนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด การเปลี่ยนแปลงในวงจรชีวิตของธรรมชาติเป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ในทุกช่วงเวลาของประวัติศาสตร์อยู่เสมอ แต่หากเราต้องเอาตัวรอดจากการคัดสรรของมนุษย์ด้วยกันเอง เราจะต้องทำเช่นใด

ทุกสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อบูชาความฝัน เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ของคนอื่น หรือเพื่อแสวงหากำไร เมื่อเวลาผ่านไปการดำรงอยู่ในสภาพเดิมย่อมเป็นเรื่องที่ยากอยู่เสมอ ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ความฝันใดๆ ที่เราได้ร่างไว้สำหรับอนาคต ล้วนไม่สามารถซ้อนทับกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างลงตัวแทบจะทุกครั้ง เราจึงเริ่มทำลายสิ่งเดิมและสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อให้กำเนิดอนาคตในอุดมคติ แม้จะรู้ว่าอนาคตก็ยังคงเปลี่ยนแปลงอย่างคาดการณ์ไม่ได้อยู่เสมอ

ในทางกลับกันอีกหลายสิ่งที่มนุษย์สร้างไปแล้วจำนวนมาก ในวันหนึ่งปัจจัยจำนวนนับไม่ถ้วนจะพยายามทำทุกอย่างให้มันต้องพังทลายลง แต่ไม่ว่าจะผุพังแค่ไหน หากมีความผูกพันกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว มนุษย์ก็ฝืนปกป้องรักษามันไว้ ไม่ว่าจะต้องยอมสูญเสียอนาคตไปมากเท่าใดหรือฉุดรั้งมันเอาไว้ได้ชั่วคราวเพียงแค่ไหนก็ตาม ขอเพียงให้บางอย่างเป็นตัวแทนของอดีตที่เคยงดงามได้นั้นก็เพียงพอแล้ว

ทฤษฎีสารสนเทศ หรือกฎข้อที่ 2 ของเทอร์โมไดนามิกส์ได้อธิบายว่าการเข้าใจข้อมูลของเรื่องต่างๆ ในอนาคต มีแนวโน้มที่จะซับซ้อนขึ้นตามกาลเวลา หากเราอยากกำหนดอนาคตหรือระบบให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เราต้องใช้อัลกอริทึมที่ทรงพลังยิ่งขึ้นตามไป บางสิ่งยิ่งเป็นระเบียบ ทำให้เรารับรู้ข้อมูลของมันได้น้อยลง บางอย่างยิ่งยุ่งเหยิง เราก็กลับรู้ข้อมูลของมันน้อยลงเช่นกัน สองสิ่งที่ดูเหมือนจะไม่สามารถบรรจบกันได้นี้ กลับมีปลายทางร่วมกันอย่างน่าประหลาด 

Transformation Theory จึงเป็นการสำรวจสถานที่สองแห่ง ระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ ระหว่างการพยายามฉุดรั้งอดีตและพัฒนาสู่อนาคต ผ่านการประกอบสร้างเศษเสี้ยวของภาพถ่ายขึ้นมาใหม่อีกครั้ง รวมถึงเป็นการตั้งคำถามถึงการพัฒนาของมนุษย์ว่าจะนำพาเราไปสู่อุดมคติอย่างที่เราวาดฝันไว้ได้จริงหรือไม่กันแน่

___________________

ศิรวิทย์ คุววัฒนานนท์ ติวเตอร์สอนฟิสิกส์ที่เริ่มต้นเส้นทางนี้ด้วยการที่พยายามถ่ายภาพเพื่อสอนนักเรียนเกี่ยวกับเมฆและดวงดาวเมื่อ 8 ปีก่อน การถ่ายภาพได้พาศิรวิทย์ไปถึงการจัดนิทรรศการเพื่อเล่าหลายเรื่องที่เขาค้างคาใจ ทั้งเทคนิคการถ่ายภาพ วิทยาศาสตร์ ความรัก ตราบจนถึงความสัมพันธ์ของสังคม มนุษย์ และธรรมชาติ

sirawitkittikorn.com
instagram.com/titi.kittikorn

PHOTO ESSAY : ORDINARY

TEXT & PHOTO: KROEKRIT NOPPHAGAO

(For English, press here

ในทุกวันที่ผมออกไปถ่ายรูป ผมเลือกมองหาความธรรมดาแต่ให้ความรู้สึกพิเศษ ด้วยการเชื่อมโยงระหว่างธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นผ่านมุมมองแบบ street minimalist เปลี่ยนสิ่งที่เราเห็นจนชินตา มองเมืองที่กว้างใหญ่ในมุมเล็กๆ เราอาจพบความสวยงามที่ซ่อนอยู่ตามซอกมุมของตึก ตรอกซอกซอย หรือท้องถนน นั่นเพราะความสวยงามมันอาจไม่ได้ซ่อนอยู่ เพียงแต่ว่าเราเองที่เป็นฝ่ายมองข้ามมันไปต่างหาก

___________________

เกริกฤทธิ์ นพเก้า เป็นช่างภาพ wedding ผู้มีความสนใจภาพสตรีทและภาพถ่าย contemporary

facebook.com/Cherbellphoto
instagram.com/bell_kroekrit

PHOTO ESSAY : TWO THINGS ON THE WAY

TWO THINGS ON THE WAY

TEXT: CHIWIN LAOKETKIT
PHOTO: CHAICHARN PHOTOGRAPHY

(For English, press here) 

เมื่อสายตาของเราชำเลืองมองบางสิ่ง เมื่อนั้นความคิดที่อยู่เบื้องหลังสายตามักจะพยายามหาคำอธิบายต่อสิ่งนั้น พลันเมื่อได้เดินทางผ่านส่วนเสี้ยวของถนนในเมืองกรุงเทพฯ ด้วยการเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้าไปตามจุดหมายในสถานที่ต่างๆ เวลาที่เราใช้ในการพินิจพิเคราะห์สิ่งที่อยู่รอบตัวดูเหมือนจะช้าลง จนสามารถสังเกตเห็นถึงความแตกต่างและความไม่ลงรอยกัน ทั้งความธรรมดาหรือแม้แต่ความพิเศษ ไปจนถึงพัฒนาการทางสังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในรูปแบบของอาคาร บ้านเรือน และถนนที่เป็นเสมือนบันทึกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมืองและสถานที่แห่งนั้นได้เป็นอย่างดี

‘TWO THINGS ON THE WAY’ เป็นชุดภาพถ่ายบันทึกการเดินทางสำรวจย่านที่รุ่มรวยวัฒนธรรม ตรอกเล็กซอกน้อยในบริเวณถนนทรงวาด ซอยนานา ตลอดจนห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ และแลนด์มาร์กสำคัญบนถนนบรรทัดทองและถนนนราธิวาสฯ ซึ่งเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันผ่านพื้นที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่เรียกกันว่า ‘ย่านเก่า’ กับ ‘ย่านใหม่’ อันปะปนไปด้วยไลฟ์สไตล์และความหลากหลายทางเจเนอเรชัน 

ภาพถ่ายชุดนี้พาเราเดินทางผ่านการเชื่อมโยงกับวัตถุในรูปลักษณ์ของเครื่องทำน้ำอุ่น MEX CRAVE Series ซึ่งเป็นตัวแทนของเทคโนโลยีและระบบดิจิทัลที่ทันสมัย และแสดงให้เห็นถึงความเว้าโค้งเสมือนแผ่นกระเบื้องสามมิติที่มีความเงางามสะท้อนแสงแดด 

MEX CRAVE Series เครื่องทำน้ำอุ่นโอบรับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ด้วยเทคโนโลยีของระบบควบคุมอุณหภูมิน้ำแบบอัจฉริยะ Smart Electronic Control ที่สามารถใช้งานได้ด้วยระบบสัมผัส และ Rapid Preheat ฟังก์ชันปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามความต้องการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยจะมีการผลิตอิดิชั่นใหม่ภายใต้คอนเซปต์ ‘DIGITAL IS NOW’​ ​ที่มีทั้งสี Dark Emerald (เขียว) และสี Metallic Red (แดง) สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 – 31 มีนาคม 2568

อ่านเรื่องราวของ MEX CRAVE Series ได้ที่ 

mexappliance.com
dots-designstudio.com

PHOTO ESSAY : THE CITY’S COLORS: BANGKOK

Julachart Pleansanit

TEXT & PHOTO: JULACHART PLEANSANIT

(For English, press here

กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีความสนุกสนานที่สุดในโลก เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย วัฒนธรรมหลากหลาย และบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้กรุงเทพฯ โดดเด่นก็คือสีสันที่สดใส ทำให้เมืองนี้โดดเด่น มีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งกลางวันและกลางคืน

สีสันในกรุงเทพฯ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญ ในการสร้างบรรยากาศและเอกลักษณ์ของเมืองอีกด้วย สีสันของเมืองนี้ปรากฏให้เห็นอย่างสดใสในทุกที่ ทั้งตามป้ายโฆษณา ผ้าใบกันสาด ยานพาหนะ แฟชั่น แม้กระทั่งอาคารบ้านเรือนและผู้คน อีกทั้งสีแดง สีเหลือง และสีน้ำเงินนั้น โดดเด่นจนสามารถพบเห็นอยู่ทั่วทั้งเมือง เมื่อได้ผสมผสานอยู่ท่ามกลางสีอื่นๆ จึงทำเมืองนี้ มีสีสันที่พิเศษกว่าเมืองไหนๆ

ในการถ่ายภาพแนวสตรีท สีสันเป็นหนึ่งในองค์ประกอบแรกๆ ที่ผมมองหา เพราะสามารถสร้างภาพ ที่โดดเด่นขึ้นมาได้ เมื่อรวมกับการจัดองค์ประกอบที่เหมาะสม สีสันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรื่องราว ในภาพน่าสนใจยิ่งขึ้น

ภาพถ่ายชุดนี้แสดงให้เห็นถึงการใช้สีสันที่โดดเด่น ขณะเดียวกันยังสะท้อนความเป็น ‘street’ แบบไทย ที่มีเอกลักษณ์ ภาพแต่ละภาพ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้สีสันของกรุงเทพฯ เพื่อสร้างบรรยากาศ และแต่งแต้มเรื่องราวให้เมืองนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

___________________

จุฬชาติ เปลี่ยนสนิท เป็นสถาปนิกและนักออกแบบอีเวนต์ event designer เมื่อประมาณปีที่แล้ว เขาได้เริ่มเดินถ่ายภาพสตรีทอย่างจริงจัง ระหว่างทาง เขาจะพยายามมองสิ่งรอบตัว ผ่านมุมมองของตนเอง โดยเชื่อว่าทุกสถานที่มีมุมมองที่ซ่อนอยู่เสมอ มันเหมือนกับการล่าสมบัติ ที่เขาเพียงแค่พยายามค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในที่ที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม

instagram.com/longstreet_bob

PHOTO ESSAY : THE FABRIC OF SOCIETY

The Fabric of Society

TEXT & PHOTO: BARRY MACDONALD

(For English, press here

‘The Fabric of Society’ หรือ แปลเป็นภาษาไทย ‘ผืนผ้าของสังคม’ เป็นคำที่ใช้เปรียบเปรยในภาษาอังกฤษ หมายถึงโครงสร้างพื้นฐาน ความสัมพันธ์ ที่เชื่อมโยงที่ยึดถือสังคมไว้ด้วยกันเหมือนกับผ้าที่ทำจากเส้นด้ายแต่ละเส้นที่ถูกถักทอเข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นผืนเดียว ‘ผืนผ้าของสังคม’ ประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ค่านิยมร่วมกัน บรรทัดฐาน กฎหมาย สถาบัน และวัฒนธรรมที่ผูกพันบุคคลและกลุ่มต่างๆ เข้าด้วยกัน ทำให้เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของผืนผ้าผืนเดียวกัน

ผ้าใบ (ผ้าใบพลาสติกแถบสีน้ำเงินขาว) ภาพจำที่ทำให้เรานึกถึงเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้นแรงงาน แต่อันที่จริงแล้วชีวิตของทุกคนต่างมีส่วนที่ข้องเกี่ยวกับผ้าใบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในอาหารทุกๆ มื้อที่เราทาน ถูกปลูก ตาก จับ ส่งขาย จนประกอบเป็นอาหาร ต่างล้วนมีผ้าใบเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการไม่มากก็น้อย อาคารที่ปลูกสร้างต่างต้องเคยใช้ผ้าใบมาแล้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในงานก่อสร้าง งานประปา และงานไฟฟ้าต้องพึ่งพาวัสดุอเนกประสงค์นี้ หรือแม้กระทั่งสิ่งของทุกอย่างที่เราซื้ออาจใช้ผ้าใบในการขนส่ง, การเก็บรักษา หรือแม้แต่การสร้างแผงขายของตลาด ปูพื้น ทำโต๊ะ มุงหลังคา และอื่นๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของไร้ราคาบนท้องถนน หรือไปจนถึงพระพุทธรูปที่มีค่าที่สุดในวัด ผ้าใบถูกเชื่อถือในการปกป้องรักษา ดูแลสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมด

ภาพชุดนี้มองดูแล้วอาจจะเกี่ยวกับผ้าใบ แต่หากมองลึกลงไปแท้จริงแล้วผ้าใบสะท้อนมุมมองเกี่ยวกับสังคมได้ในหลายมิติ เราจะเห็นถึงมิติแห่งกระบวนการโลกาภิวัตน์ที่ทุกคนต่างใช้ผลิตภัณฑ์เดียวกัน จากแหล่งที่มาเดียวกัน มิติเชิงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมของการผลิตพลาสติกจำนวนมาก รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยในการดัดแปลงวัสดุให้เป็นรูปแบบและการใช้งานใหม่ๆ ไปจนถึงการสะท้อนเห็นปัญหาแรงงานข้ามชาติและอาชีพที่พวกเขาทำในประเทศไทย ที่พวกเขาบางคนอาศัยอยู่ในที่ที่สร้างขึ้นด้วยผ้าใบ

ชวนให้ตั้งคำถามว่า หากไม่มีผ้าใบ ประเทศจะยังคงสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หรือผ้าใบคือสิ่งที่แสดงออกถึง ‘ผืนผ้าของสังคม’ ในรูปธรรมที่แท้จริง

___________________

แบร์รี แมคโดนัลด์ (เกิดปี 2527) เป็นช่างภาพอิสระจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาเริ่มต้นถ่ายภาพนักดนตรีและค้นพบความสนุกสนานในการเดินทางจากการไปทัวร์กับวงดนตรีทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา งานของเขาพัฒนามาเป็นการผสมผสานระหว่างการถ่ายภาพแนวสตรีทและสารคดี เขาสนใจสังคมวิทยาและพยายามมองวัฒนธรรมและธรรมชาติของมนุษย์ผ่านการถ่ายภาพของเขา เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2565

barrymacdonald.co.uk
instagram.com/barrymac84

URBAN JOY PLAYGROUND

Urban Joy Palyground by ANANDA

TEXT: NATHATAI TANGCHADAKORN
PHOTO COURTESY OF ANANDA DEVELOPMENT

(For English, press here

เมื่อสนามฟุตซอลที่ถูกรีโนเวทโดย ANANDA และพันธมิตร ร่วมกับ กทม. ถูกเติมแต่งลวดลายด้วยกราฟิกสีจัดจ้าน ประกอบกับการใช้เส้นสายที่เลื่อนไหลอย่างอิสระและรูปทรงเรขาคณิต ภาพถ่ายของสนามแห่งนี้จึงมีองค์ประกอบทางศิลปะสอดแทรกอยู่มากมาย

ความสวยงามของภาพชุดนี้ดูไปแล้วใกล้เคียงกับ minimalist photography ที่เรียบง่าย ทว่าความจริงแล้วมีความหมายของแต่ละสีอัดแน่นบนพื้นสนาม เนื่องจากที่นี่ตั้งใจวางตัวเป็นพื้นที่สาธารณะทางศิลปะของคนเมือง นักออกแบบจึงแฝงความหมายและแรงบันดาลใจเอาไว้ในทุกพื้นที่ และไม่ได้คำนึงถึงแต่ความสวยงามเท่านั้น เช่น สีฟ้าที่สร้างความรู้สึกโปร่งสบายและความสดชื่น ก็ถูกนำมาเป็นตัวแทนของคอนเซ็ปต์ ‘Inspire & Urban’ หรือสีแดงที่สร้างความกระตือรือร้น ก็เป็นตัวแทนของคอนเซ็ปต์ ‘Power & Energetic’ เป็นต้น

ความหมายของแพทเทิร์นเหล่านี้มาพร้อมกับความหมายของเส้นที่ถูกตีขึ้นเพื่อกำหนดขอบเขตการใช้งาน บ้างก็เป็นเส้นระบุตำแหน่งกึ่งกลางของสนาม บ้างก็เป็นเส้นรอบนอกที่หากผู้ใช้งานก้าวพ้นไปแล้วจะถูกกีดกันจากเกมด้วยกติกา บ้างก็เป็นที่ทุกคนต้องข้ามผ่านเพื่อทำคะแนนสู่ชัยชนะ แต่ไม่ว่าจะเป็นความสวยงามหรือการใช้งาน ก็ผสมผสานกันได้อย่างกลมกลืนออกมาเป็นกราฟิกชิ้นหนึ่ง ซึ่งยังคงเป็นสนามฟุตซอล ยังคงเป็นพื้นที่ทางศิลปะ และยังคงเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนในชุมชนข้างเคียงออกมาทำกิจกรรมได้โดยไม่บกพร่อง ทำให้ทางเลือกในการออกกำลังกายและพบปะสังสรรค์ของคนในย่านมีตัวเลือกมากขึ้นจากเดิม

ananda.co.th