art4d สนทนากับ นักรบ มูลมานัส ว่าด้วยการไปเป็นศิลปินในพำนัก 1 ปีในกรุงปารีส และการสำรวจอาณาบริเวณใหม่ทั้งในตัวงานและในตัวเอง
ป้ายกำกับ: photography
PHOTO ESSAY : BETWEEN US
TEXT & PHOTO: KUNLANATH SORNSRIWICHAI
(For English, press here)
ผมคิดที่จะสอนลูกสาวให้มีทักษะใหม่ๆ เพิ่มเติม สอนกันวันนี้ เรียนตอนนี้เลย ทำได้เลย ไม่มีผิดถูก ไม่มีกฎเกณฑ์ อยากทำก็ทำ ถ้าทำแล้วดีมีความสุขก็ทำต่อไป ก็เลยหยิบกล้องออกไปถ่ายรูปและกลับมาพร้อมรูปและเรื่องราวมากมาย
“สิ่งรอบๆ ตัวมีความน่าสนใจอยู่เสมอ ลองมองหาดู มุมมองของแต่ละคนก็มองไม่เหมือนกันอีก สนุกดีนะลูก”
นับจากวันนั้นผ่านมาเกือบสี่เดือน สิ่งที่ทำมันสนุกและมีความสุขจริงๆ
_____________
กุลนาถ ศรศรีวิชัย เรียนครูศิลปศึกษา ทำงานออกแบบ ชอบศิลปะ งานออกแบบ และความเงียบในสวนเย็น, แม่แตง
PHOTO ESSAY : SCALA IN MY MEMORY
TEXT & PHOTO: AMATA LUPHAIBOON
(For English, press here)
ผมรู้จักสกาลาครั้งแรกตอนอยู่ ม.4 สมัยนั้นที่เตรียมอุดมจะไม่มีเรียนทุกบ่ายวันศุกร์ เวลาช่วงนั้นเป็นเวลาทองที่ผมจะตระเวนดูหนัง นอกจากโรงแถวๆ สยามสแควร์ เช่น สกาลา สยาม ลิโด และแมคเคนน่าแล้ว ก็จะมีโรงวอชิงตันบนสุขุมวิทที่เป็นทางผ่านรถเมล์กลับบ้าน ผมคุ้นเคยกับสกาลาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน สกาลาเปิดใช้ในปีเดียวกับปีที่ผมเกิด ตอนอยู่เตรียมอุดมผมจะดูหนังได้เฉพาะวันศุกร์ แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วสบาย จะดูตอนไหนก็ได้ เดินไปสยามดูหนังกลับมาเรียนต่อก็ได้ พอเริ่มทำงาน ผมก็จะมาดูหนังแถวนี้แทบทุกอาทิตย์ ดูหนังเสร็จก็กินข้าวนิวไลท์ ซ้ำ routine นี้เป็นร้อยๆ ครั้ง
เวลาผ่านไป โรงหนัง standalone ก็ทยอยปิดไปทีละโรง จนปี 53 โรงหนังสยามไฟไหม้ ก็เหลือแต่ลิโด สกาลาเท่านั้น ลิโดพยายามปรับสู้โรงแบบ multiplex โดยแบ่งเป็น 3 โรงเล็ก โรงสวยน้อยลงแต่ก็มีหนังให้เลือกมากขึ้น สกาลาก็จะได้ฉายหนังที่เพิ่งเข้าหรือหนังที่น่าจะมีคนดูเยอะหน่อย คือถ้าเลือกได้ก็จะดูสกาลาเพราะชอบ ritual ของการเดินขึ้นบันได รอซื้อตั๋ว ซื้อขนม แล้วเข้า foyer ไปรอคนดูรอบก่อนหน้าเดินออกมา ชอบสังเกตุดูสีหน้าคนที่กำลังเดินออก จะชอบเดาว่าใครชอบ ใครบ่น ใครหลับ พี่ๆ น้าๆ ที่สกาลาและลิโดบางคนก็จำผมได้ น้าที่ขายขนมรู้ว่าผมชอบซื้อโคลอนและน้ำเปล่าก่อนเข้าโรง พี่ที่ขายตั๋วก็รู้แถวที่นั่งประจำของผม ในวันที่ลิโดฉายหนังวันสุดท้ายผมก็ได้ไปไหว้ลาพี่ๆ น้าๆ ทุกคน บางคนบอกว่าคงไม่ตามไปทำต่อที่สกาลาแล้วเพราะคนเยอะเกินงาน จะกลับไปต่างจังหวัดอยู่กับลูกหลาน จริงๆ แล้วในคืนสุดท้ายของลิโดคืนนั้น หลายๆ คนก็คงแอบคิดแล้วว่าคงถึงคิวของสกาลาในอีกไม่นาน
ในหลายๆ ปีที่ผ่านมามีความพยายามของหลายกลุ่มที่พยายามทำให้คนทั่วไปเห็นถึงความสำคัญและความงามของสกาลา ด้วยหวังว่าเจ้าของที่จะมองเห็น หรือประชาชนจะสนับสนุนเป็นวงกว้าง เผื่อจะต่อชีวิตสกาลาจะได้อีกหลายๆ ปี เช่นหอภาพยนตร์ก็จัดโปรแกรม ‘ทึ่งหนังโลก’ เอาหนังคลาสสิกมาฉาย ในวันที่ Godfather ฉาย มีคนดูล้นโรง คนดูต้องนั่งบนบันได มีคุณย่าคุณยายมาดูพร้อมกับลูกหลาน คนทุก generation มาร่วมประสบการณ์ดูภาพยนตร์ด้วยกันที่นี่ สกาลาครึกครื้นมีชีวิตที่สุดในบ่ายวันนั้น เมื่อสองปีก่อน เพื่อนๆ lighting designer ก็จัด ‘The Wall’ lighting installation ทุกครีบเสา ดาวบนฝ้า ถูกเน้นด้วยแสงไฟจนคมสวย โถง foyer ได้รับการขับด้วยไฟสีทั้งที่ผนังและฝ้าเพดาน ในโรงก็มี lighting installation ที่เข้ากับดนตรีที่เรียบเรียงขึ้นมาเป็นพิเศษ ช่วงนั้นสกาลาสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา มีคนไปชมไปถ่ายรูปถ่ายคลิปลง social กันมากมาย ทำให้พวกเรามีความหวังขึ้นมาอีกนิดนึง
ผมทำ presentation แสดงถึงความสำคัญของสกาลาทั้งในแง่สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรม พยายามแสดงแนวทางการเก็บอาคารนี้ไว้โดยปรับการใช้สอยและโปรแกรมให้ร่วมสมัย เพราะรู้ดีว่าจะคงเป็นโรงหนังฉายหนังแบบเดิมไม่ได้ตลอดไป เพิ่มความเป็นไปได้ของการหารายได้ และประเภทของ retail ที่เสริมกับโรงหนัง รวมทั้งตัวอย่างของโรงหนัง standalone ทั่วโลกที่ปรับตัวและ sustainable ในที่สุด ผมเอาเข้าไปคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เขาก็รับฟัง แต่มองไปที่ตาก็รู้ว่าสิ่งที่เราพยายามสื่อมันผ่านเข้าและออกไปเรียบร้อยแล้ว มันไม่ตรงกับเป้าที่เขาตั้งไว้ตั้งแต่ต้น
หลังจากนั้นไม่นาน โควิดก็มา Apex ก็จำเป็นต้องปล่อยสกาลาไปก่อนกำหนด ของประดับตกแต่งถูกถอดออกไป เหมือนเป็นความตั้งใจของเบื้องบนที่จะให้สกาลาดูโทรมลง ดูด้อยค่าลงเรื่อยๆ เมื่อวันที่จะทุบจะได้ไม่มีคนออกมาต่อต้านกันมากนัก
จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อนที่รักสกาลาด้วยกันส่งรูปสกาลาที่ถูกทุบมาให้ จนถึงวันที่เขียนวันนี้ก็คงไม่มีอะไรหลงเหลือแล้ว ผมคงไม่คร่ำครวญอะไรมากมาย ทุกอย่างมีวันจบของมัน หนังก็มีอวสาน จริงๆ ทางรอดของสกาลาก็ริบหรี่มาหลายปี เหมือนเพื่อนสนิทที่ป่วยหนักมานาน บางวันก็ทรงๆ บางวันก็สดใส เราก็เก็บความจำวันที่เพื่อนคนนี้สวยที่สุด มีชีวิตชีวาที่สุดไว้ก็แล้วกัน
_____________
อมตะ หลูไพบูลย์ เป็นสถาปนิกผู้ร่วมก่อตั้ง Department of Architecture Co.
PHOTO ESSAY : BANGKOK DEEMED
TEXT & PHOTO: CHATCHAVAN SUWANSAWAT
(For English, press here)
ตั้งแต่เด็กจนโต เราอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ แบบที่ว่าไม่ได้เคยย้ายไปไหน ตอนเด็กเราถูกเลี้ยงไว้แบบไข่ในหินไม่ให้ออกนอกบ้าน จนกระทั้งเติบใหญ่กลายเป็นว่าปมในวัยเด็กนั้น สร้างความเก็บกดที่อยากจะออกเดินดูกรุงเทพฯ ให้ได้มากที่สุดในวัยผู้ใหญ่
ปัจจุบันการได้ออกเดินในช่วงหยุดสุดสัปดาห์นั้นเป็นความสนุกตื่นเต้นและเสพติด เราชอบเดินไปเรื่อยๆ มีจุดหมายบ้างไม่มีบ้าง และมันนำเราไปสู่พื้นที่และสิ่งของที่แปลกตา ที่ล้วนเกิดจากผู้คนรวมถึงต้นไม้ใบหญ้าที่ประกอบเข้าด้วยกันแบบไม่ตั้งใจ และต่างดิ้นรนให้มีชีวิตต่อไปอยู่ในเมืองที่ผู้คนคิดว่ารักและเกลียดนี้
_____________
ชัชวาล สุวรรณสวัสดิ์ เป็นสถาปนิกและนักเขียน (บ้างไม่เขียนบ้าง) ผู้เขียนหนังสือ ‘อาคิเต็กเจอ’ ที่พูดถึงความไทยๆ ผ่านสิ่งของงานออกแบบของผู้คนในเมือง ปัจจุบันก่อตั้ง Everyday Architect & Design Studio เพื่อทำงานสถาปัตย์ที่เกี่ยวข้องความสนใจเรื่องไทยๆ
facebook.com/everydayarchitectdesignstudio
facebook.com/viewtiful.chat
instagram.com/chutcha_crowbar
WE SEE OUR SOULS BETTER IN THE DARK
TEXT & PHOTO: WAN CHANTAVILASVONG
(For English, press here)
เดินทางคนเดียวในวันที่ฟ้าครื้มไปด้วยเมฆและฝนพรำ ความสงัดตกลงท่ามกลางหมู่ถ้ำอชันตา มรดกโลกที่พระสงฆ์เคยใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมกว่าพันปีที่ผ่านมา ถ้ำและโครงสร้างเหล่านี้เป็นส่วนที่เหลือไว้จากการขุดของมนุษย์ ยิ่งขุดลึกเข้าไปในภูเขามากเท่าไหร่ แสงสว่างก็จะลดเหลือน้อยนิดและเลือนลางลง พื้นที่อันมืดมิดเหล่านั้นคือที่ตั้งของห้องเล็กๆ รายล้อมโถงกลาง เป็นช่องว่างอันมืดมิดเพื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมเห็นซึ่งธรรมชาติของจิตใจตนเอง
ในพื้นที่อันมืดมิดนั้นเองที่ช่างอนุรักษ์กำลังส่องไฟดวงน้อยเพื่อคอยต่อชีวิตให้กับช่องว่างแห่งการเข้าใจธรรมชาติของจิตใจ
_____________
ว่าน ฉันทวิลาสวงศ์ นักวางแผนเมืองและนักวิจัย ผู้มีการถ่ายภาพเป็นการเล่นที่จริงจัง ภาพถ่ายของว่านมักเป็นการถ่ายทอดความคล้ายและความแตกต่างของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและวิถีชีวิตของผู้คนจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก
BELONGING: PORTRAITS FROM LGBTQ THAILAND
DELVE INTO THE DIVERSE GENDER IDENTITIES FROM ALL AGES, ETHNICITIES AND PROFESSIONS IN THAILAND IN A PHOTO BOOK BY THE WORLD-RENOWNED PHOTOGRAPHER STEVE MCCURRY
PHOTO ESSAY : BANGKOK URBAN STORIES
TEXT & PHOTO: HIROTARO SONO
(For English, press here)
ผมมักพยายามมองหาเรื่องราว เวลาที่ผมเดินผ่านพื้นที่ต่างๆ ในเมืองอยู่เสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างพื้นที่และผู้คน
“ทำไมพื้นที่นี้ถึงดูน่าสบายจัง?” “อะไรคือองค์ประกอบที่ทำให้บรรยากาศของพื้นที่เป็นแบบนี้กันนะ?”
พื้นที่เมืองถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ มันจึงเต็มไปด้วยความคิดของผู้คนหลากหลาย
และปริมาณที่มากมายของความคิดนั้นก็เป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจในทันทีทันใด
ดังนั้นแล้ว หากเราต้องการที่จะรู้สึกสนุกไปกับการเดินเล่นภายในเมือง เราต้องตั้งใจมองหาและจับความคิดและเรื่องราวอันแตกต่างกันไปของพื้นที่เมือง
ผมถ่ายภาพเวลาที่ผมสังเกตเห็นเรื่องราวบางอย่าง
เพื่อเป็นแรงบันดาลใจการออกแบบสถาปัตยกรรม
เพื่อความสุขของตัวผมเองที่จะได้ร่วมแบ่งปันมันกับผู้อื่น
นี่คือมุมมองของผม
และนี่ก็คือกรุงเทพฯ ของผม
_____________
Hirotaro Sono (Hiro) คือช่างภาพชาวญี่ปุ่นที่จับภาพและแบ่งปันอารมณ์ของพื้นที่และผู้คน เขายังเป็นสถาปนิกที่ออกแบบความรู้สึกของพื้นที่และผู้คนด้วยเช่นกัน
PHOTO ESSAY : YOUR HOUSE DOWNSTAIRS
TEXT & PHOTO: JONATHAN TAN
(For English, press here)
สิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องโครงการที่อยู่อาศัยของรัฐ โดยประชากรกว่า 80% ของสิงคโปร์อยู่อาศัยในแฟลตของ Housing Development Board หรือ HDB บริเวณใต้ถุนของแฟลตเหล่านี้มีองค์ประกอบหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไปก็คือ ‘ช่องในกำแพง’ ที่มาในหลากหลายรูปทรงและสีสัน การมีอยู่ของมันช่วยทำให้พื้นที่ส่วนกลางของแฟลตที่เหล่าผู้พักอาศัยมาพบปะรวมตัวกันมีความสนุกขึ้นอีกเป็นกอง และแม้มักจะพบเจอได้เฉพาะในแฟลตการเคหะรุ่นเก่าๆ ช่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ชาวสิงคโปร์ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศเลยก็ว่าได้
ภาพถ่ายชุดนี้มุ่งหมายที่จะรวบรวม ‘ช่อง’ เหล่านี้ที่ชาวสิงคโปร์รู้จักกันดีในฐานะ ‘Your House Downstairs’
_____________
เมื่อใดที่พอมีเวลาว่าง โจนาธานชอบสนุกไปกับโปรเจ็คต์แนวสร้างสรรค์อยู่เสมอๆ ผลงานภาพถ่ายของเขาอย่าง ‘Singapore Pantone’ และ ‘Your House Downstairs’ ได้รับการพูดถึงในสื่อสิ่งพิมพ์ทั้งในท้องถิ่นและต่างประเทศ งานส่วนใหญ่ของเขางอกเงยมาจากความเชื่อที่ว่าคุณสามารถเจอศิลปะในสิ่งรอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งที่ถูกมองข้าม เพียงเพราะมันเป็นสิ่งที่คุณเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ปัจจุบันโจนาธานทำงานในวงการโฆษณา โดยดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการแบรนด์อาวุโสของ 72andSunny Singapore และแม้ตำแหน่งหน้าที่การงานจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานด้านสร้างสรรค์นัก โจนาธานเชื่อว่าทุกคนล้วนมีความเป็นครีเอทีฟด้วยกันทั้งนั้น
cargocollective.com/jontan
facebook.com/jontannn
instagram.com/jontannn