Category: PICKS

SUNDAY SKETCHES

  • Sunday Sketch (Book) © Christoph Niemann
  1. 1
  2. 2
  3. 3
  4. 4
  5. 5
  6. 6
  7. 7
  8. 8
  9. 9
  10. 10


TEXT & PHOTO: CHRISTOPH NIEMANN

(For English, press here

เวลาที่ผมสเก็ตช์งานในวันอาทิตย์ มันไม่ได้เป็นเรื่องของการทำตามแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับอะไรหรอก ผมแค่เลือกวัตถุสักชิ้นแล้วก็จ้องมันไปมา ลองเปลี่ยนมุมมองของมันบ้าง เอามันไปเล่นกับแสงบ้าง (ที่หมายถึงแค่การขยับโคมไฟบนโต๊ะแหละนะ) จากนั้นที่เหลือก็เป็นเรื่องของการเปิดใจให้กว้างที่สุดเพื่อดูว่ามุมมองที่มันดูประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นจะทำให้ผมนึกถึงรูปทรงอะไรที่คุ้นเคยบ้างหรือเปล่า

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมันก็… ไม่ค่อยเวิร์ค

แต่เวลาที่มันเวิร์คขึ้นมา ผมก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้เป็นพรสวรรค์พิเศษในการเชื่อมโยงภาพของผมหรอก อาจจะแค่ว่าผมมีความอดทนที่จะจ้องมองมันนานมากพอ ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปเขาก็คงจะไปทำในสิ่งที่มันมีสาระกว่านี้ นั่นก็คือเขาก็ไปคงทำอะไรต่อมิอะไรที่คนเราควรจะต้องไปทำในชีวิตเสียมากกว่าน่ะครับ

_____________

Christoph Niemann (*1970) เป็นศิลปิน นักเขียน และนักวาดภาพประกอบ ผลงานของเขาปรากฏบนปกนิตยสารชั้นนำอย่าง The New Yorker, National Geographic และ The New York Times เป็นประจำ ผลงานของนีมันน์ได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการมากมายทั่วโลก รวมถึงที่ Museum für Kunst und Gewerbe (ฮัมบูร์ก, เยอรมนี), Museum of Contemporary Art (บูคาเรสต์, โรมาเนีย), Cartoonmuseum (บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์), Galerie d’Italia (วิเชนซ่า, อิตาลี), Chemie Museum (ไถหนาน, ไต้หวัน), MoCA Museum (เซี่ยงไฮ้), และ MoMA (นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา)

christophniemann.com
instagram.com/abstractsunday

TIME STRETCHED

TEXT & IMAGE: ANTON REPPONEN

(For English, press here)

Time Stretched เป็นการเดินทางสำรวทางทัศนะที่จะพาเราไปค้นหาความเกี่ยวเนื่องอันซับซ้อนของเวลา การเคลื่อนไหว และการรับรู้ของมนุษย์ แต่ละภาพในชุดนี้แช่แข็งช่วงเวลาไว้ในปฏิทรรศน์แห่งเวลา (temporal paradox) สภาพแวดล้อมล้วนถูกบิดเบือนไปในความโกลาหลจากการยืดตัวของเวลา ในขณะที่ตัวละครหลักของภาพกลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากโครงสร้างแห่งเวลาที่บิดเบี้ยว ผลลัพธ์ที่ได้คือภูมิทัศน์ที่ยืดออก สถาปัตยกรรมที่ผิดรูป และสภาพแวดล้อมเหนือจริงที่สร้างภาพบรรยากาศอันตราตรึง

ภาพแต่ละภาพถูกบันทึกไว้จากสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ถนนที่วุ่นวายในนิวยอร์กจนถึงภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยสีสันของโตเกียว บาร์เซโลนา และกรุงเทพฯ แต่ในโลกของ ‘Time Stretched’ ความแตกต่างทางภูมิศาสตร์จางหายไปจนไม่เหลือความสำคัญ ผู้ชมจะถูกนำไปสู่ช่วงเวลาที่บิดเบี้ยวและเป็นนามธรรม ในโลกแห่งนี้ ตัวละครหลักปรากฏตัวอย่างโดดเดี่ยว หยุดนิ่งไม่ไหวติงภายในห้วงเวลาของตนเอง หลุดพ้นจากข้อจำกัดของสถานที่ และดื่มด่ำในปฏิสัมพันธ์ที่น่าหลงใหลและน่าค้นหาของปฏิทรรศน์เวลา

___________________

Anton Repponen เป็นนักออกแบบปฏิสัมพันธ์ (interaction design) ที่มีสำนักงานอยู่ในนิวยอร์ก เขาร่วมนำทีมสตูดิโอออกแบบชื่อ ‘Anton & Irene’ ที่ดูแลลูกค้าหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันวัฒนธรรมชั้นนำเช่น M+ Museum ในฮ่องกงและ The Met Museum ในนิวยอร์ก ไปจนถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Spotify Netflix และ Google แนวทางการออกแบบของเขาผสมผสานอิทธิพลทางสถาปัตยกรรมเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบปฏิสัมพันธ์ได้อย่างลงตัว สะท้อนถึงปรัชญาการออกแบบที่เน้นความเป็นมนุษย์และพื้นฐานทางสถาปัตยกรรมของเขาอย่างชัดเจน

repponen.com
instagram.com/repponen

ACUTE AND OBTUSE

TEXT: ADRIENNE LAU
PHOTO: RAQUEL DINIZ

(For English, press here)  

สถาปนิกและนักออกแบบ Adrienne Lau เป็นหัวหอกสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ Acute And Obtuse ชุดเฟอร์นิเจอร์กลางแจ้งที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% งานชุดนี้แสดงให้เห็นถึงกระบวนการออกแบบซึ่งปล่อยให้วัสดุที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะเหล่าชิ้นส่วนที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้เป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจว่ามันจะถูกใช้งานอย่างไร มีกระบวนการผลิตแบบไหน และต้องการสื่อสารอะไร

โครงการนี้เริ่มต้นจากความต้องการฟื้นฟูพื้นที่ปลูกพืชเพื่อบริโภคใน Abbey Gardens ซึ่งเป็นทั้งสวนสาธารณะและสวนเพื่อการเก็บเกี่ยวใน Newham, London เมื่อสิบห้าปีที่แล้วสวนชุมชนแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจากโครงการศิลปะมีชีวิตที่ประกอบด้วยกระบะปลูกต้นไม้ที่เรียงตัวกันเป็นแนวทแยง ภายหลังเวลาผันผ่าน กระบะรูปสี่เหลี่ยมคางหมูที่ทำจากแผ่นไม้ยึดด้วยปลอกมุมเหล็กชุบสังกะสีก็ถึงเวลาต้องถูกเปลี่ยนใหม่

หลังจากรื้อถอนกระบะ Adrienne พบว่ามุมเหล็กส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพดีและน่านำกลับมาใช้ใหม่เป็นเฟอร์นิเจอร์ มุมเหล็กที่มีองศาเฉพาะเหมาะสำหรับการเป็นสร้างโครงสร้างของเฟอร์นิเจอร์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นมุมเหล็กขนาด 150 องศา สำหรับการทำเป็นเก้าอี้เอนหลัง 110 องศา สำหรับการสร้างเก้าอี้ และมุมที่เล็กกว่าที่ถูกนำไปใช้เป็นส่วนรองรับม้านั่ง

การทำงานร่วมกับสวนชุมชนระดับรากหญ้าทำให้การจัดเก็บวัสดุและการทำงานอย่างยืดหยุ่นเกิดขึ้นได้ และด้วยความช่วยเหลือจากชุมชนในท้องถิ่นและเหล่าอาสาสมัคร เหล่ามุมเหล็กก็ถูกถอดสลักเกลียวและแยกออกจากแผ่นไม้เก่า

การเชื่อมเหล็กชุบสังกะสีบางๆ เหล่านี้มีทั้งอันตรายจากสารพิษและความเสี่ยงอื่นๆ ทำให้ต้องมีการใช้วัสดุอื่นเป็นข้อต่อ ผู้ออกแบบจึงจับมือกับสตูดิโอ Rosie Strickland โดยนำคานไม้ดักลาสเฟอร์ (Douglas Fir beam) จากโรงทหารสมัยวิคตอเรียนที่ถูกรื้อถอนมาใช้ในการสร้างชิ้นงานที่สมบูรณ์ และเพื่อสร้างความสมดุลและความแตกต่างระหว่างไม้กับความคมของแผ่นเหล็ก ชิ้นส่วนจากไม้ดักลาสเฟอร์จึงมีรูปทรงโค้งมนสะอาดตา รอยบากและรูตะปูบนไม้ที่ถูกนำมาใช้ถูกปล่อยไว้โดยไม่ผ่านการขัดเกลาเพื่อแสดงถึงร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกชูให้เป็นองค์ประกอบเด่นของการออกแบบ

หลังจากเป็นส่วนหนึ่งของ Edgy Collective winning installation ในเทศกาลสถาปัตยกรรมลอนดอน 2023 (London Festival of Architecture 2023) Acute And Obtuse ได้ถูกย้ายกลับมาไว้ที่ Abbey Gardens สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดของเหล่ามุมเหล็ก ปัจจุบันพวกมันทำหน้าที่เป็นที่นั่งที่สามารถปรับเปลี่ยนโยกย้ายได้อย่างยืดหยุ่นภายในพื้นที่ของชุมชนที่กำลังเติบโต

“แทนที่จะซ่อนความไม่สมบูรณ์แบบ เราควรโอบรับความไม่สมบูรณ์แบบนั้นอย่างสร้างสรรค์เพื่อทำให้การนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่เป็นสิ่งน่าดึงดูดใจและเป็นที่สนใจในวงกว้างขึ้น” Adrienne Lau กล่าว “การทำให้เรื่องราวของวัสดุปรากฏชัดเจนจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้คนดูแลรักษามัน สิ่งของจะไม่กลายเป็นขยะ ถ้าสุดท้ายแล้วตัวมันยังมีคุณค่าในสายตาของผู้ใช้งาน”

_____________

Adrienne Lau เป็นสถาปนิกและนักออกแบบผู้ได้รับการขึ้นทะเบียนกับสภาสถาปนิกแห่งสหราชอาณาจักร (Architects Registration Board หรือ ARB) ปัจจุบันเธอประจำอยู่ที่มหานครลอนดอนและฮ่องกง ด้วยความเชี่ยวชาญอันหลากหลาย ผลงานของเธอครอบคลุมทั้งด้านสถาปัตยกรรม การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ การสร้างสรรค์ installation ในพื้นที่เมือง ตลอดจนการออกแบบฉากเวที แนวทางการทำงานของเธอมุ่งเน้นการตอบสนองความจำเป็นทางสังคมและระบบนิเวศ ด้วยแนวคิดสร้างสรรค์อันล้ำสมัยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง Edgy Collective กลุ่มนักออกแบบผู้คว้ารางวัลมากมาย Adrienne และทีมงานทุ่มเทให้กับการฟื้นฟูพื้นที่เมือง โดยเชื่อมโยงพื้นที่เหล่านั้นเข้ากับมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม พร้อมทั้งสะท้อนความเป็นจริงของโลกปัจจุบัน ด้วยประสบการณ์อันยาวนานกว่าทศวรรษในวงการ และเส้นทางอาชีพอันโดดเด่นในบริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลกอย่าง Heatherwick Studio และ OMA Adrienne ได้ร่วมงานกับลูกค้าระดับแนวหน้าอย่าง PRADA และ Google นอกจากนี้ เธอยังได้ดำรงตำแหน่งผู้นำระดับอาวุโสของโครงการสถาปัตยกรรมและการออกแบบเมืองระดับนานาชาติขนาดใหญ่หลากหลายโครงการ

adriennelauprojects.com
instagram.com/thinking_out_lau

THE FURRY THING

TEXT & IMAGE: KAMWEI FONG

(For English, press here)  

The Furry Thing คือชุดผลงานภาพวาดสัตว์ขนฟูปุกปุยที่ถือกำเนิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของ Kamwei ในปี 2009 ด้วยการใช้เพียงหมึกสีดำไมโครพิกเมนต์ Kamwei ได้สร้างสรรค์ละครสัตว์ที่เต็มไปด้วยเหล่าแมว สุนัข และสัตว์อื่นๆ สุดน่ารักขี้เล่น ที่แม้แต่ละตัวจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในเชิงบริบทและมีรูปแบบเดียวกัน แมวของ Kamwei ก็มีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น: บางตัวรูปร่างฟูฟ่องและพองตัวเป็นก้อนกลม บางตัวมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น บางตัวแลดูระแวดระวังปลาที่กำลังแกว่งไกว หรือคลื่นที่ซัดมาจากหางของตัวเอง ศิลปินวาดรูปร่างของแมวแต่ละตัวขึ้นมาจากเส้นสายที่มีความสั้นและบางจำนวนนับไม่ถ้วน โดยปรับความหนาแน่นของรอยขีดเพื่อสร้างปริมาตรและความรู้สึกถึงความฟูฟ่องที่สัมผัสได้

_____________

Kamwei Fong เป็นศิลปินชาวมาเลเซียที่ทำงานเกี่ยวกับโลกของสัตว์เป็นหลัก ผลงานของเขามักถูกอธิบายว่าเรียบง่าย สง่างาม มีความเป็นกวี ตลกขบขัน เปี่ยมจินตนาการ สนุกสนาน และเหมือนโลกในความฝัน ผลงานศิลปะของ Kamwei ยังได้รับการยอมรับในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการได้จัดแสดงงานที่ Salon des Beaux-Arts ในปารีสและ Art Expo Malaysia ในกัวลาลัมเปอร์ โดยในปี 2020 และ 2022 เขายังได้ร่วมงานกับแบรนด์ยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่นระดับโลกอย่าง UNIQLO อีกด้วย

kamweifong.com
facebook.com/Kamweiatwork 

THAI ARCHITECTURE INFOGRAPHIC

TEXT & IMAGE: KIDYANG ARCHITECTURE & RESEARCH

(For English, press here)

ซีรีส์ Thai Architecture Infographic เป็นการรวบรวมข้อมูลเนื้อหาเกี่ยวกับโบราณสถานและอาคารประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ที่เราเห็นว่ามีจุดน่าสนใจทั้งสถานที่ที่สูญหายไปแล้ว สถานที่ที่เข้าถึงยากหรือถูกสงวนการเข้าถึง และเป็นสถานที่ที่ไม่เคยได้สร้างจริง เช่นในการสันนิษฐานพระบรมบรรพต ที่แต่แรกสร้างนั้นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ (King Nangklao) เคยมีพระราชประสงค์จะสร้างเป็นพระปรางค์ที่สูงที่สุดเทียบเท่ากับภูเขาทองอยุธยาและพระปรางค์วัดอรุณ แต่ก็ล้มเลิกไปด้วยปัญหาฐานรากทรุด

ทั้งหมดนี้ เรามีการนำเสนอผ่านการผสมเครื่องมือระหว่างการวาดมือและการปั้นโมเดลสามมิติเพื่อช่วยทุ่นแรงและเวลาในการผลิตผลงานโดยที่ infographic และ illustration ทั้งหมดของซีรีส์นี้ก็ยังคงจุดมุ่งหมายแรกของเราไว้คือการทำให้ข้อมูลที่เข้าถึงได้ยากถูกนำเสนอให้เข้าใจง่าย และมีความน่าดึงดูดสำหรับบุคคลทั่วไปให้มีความสนใจต่ออาคารทางประวัติศาสตร์ในมิติที่แปลกใหม่ยิ่งขึ้น และเป็นโชคดีที่ในการทำงานชุดดังกล่าวนี้ ทำให้เราได้รู้จักกับกองบรรณาธิการและทีมของ National Geographic Thailand เกิดเป็นการร่วมกันสร้างสรรค์บทความและภาพประกอบสำหรับเนื้อหาเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

กลุ่ม ‘คิดอย่าง’ เกิดจากการรวมตัวของคนจากหลายสาขาวิชาและความถนัดที่มีความสนใจร่วมกับเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีสุรเชษฐ์ แก้วสกุล และ พัชรพงศ์ กุลกาญจนาชีวิน เป็นทีมหลักในซีรีส์ Thai Architecture Infographic

facebook.com/Arch.kidyang
facebook.com/Maewsow
instagram.com/p.kulkan

ARCHITECTURE ANOMALY

Architecture Anomaly

TEXT & IMAGE: SAUL KIM

(For English, press here)  

จิตใจของเราถูกตั้งโปรแกรมให้ปฏิบัติตามแนวคิดที่สังคมกำหนดไว้ล่วงหน้า และแนวคิดใดๆ ที่ท้าทายข้อกำหนดนั้นมักจะถูกมองว่าเป็น ‘ความผิดปกติ (anomalous)’ Architecture Anomaly เป็นซีรีส์งานวิจัยด้านการออกแบบที่ริเริ่มโดย Saul Kim ซึ่งทดลองกับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมในวิถีทางที่ผิดแผกไปจากปกติ เพื่อค้นหาวิธีการก่อร่าง ประกอบ และการอยู่อาศัยใหม่ๆ

แรงบันดาลใจของผลงานชุดนี้มาจากแทบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ หากแต่ไม่ใช่สถาปัตยกรรม สิ่งนี้ช่วยให้นักออกแบบสามารถหลีกเลี่ยงการสร้างสรรค์งานตามรอยเดิม การออกแบบนั้นไม่ควรมีกฎเกณฑ์ แต่คนเรามักจะเผลอตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองเมื่อได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ และเริ่มเชื่อว่าการทำสิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้เป็นสิ่งที่ผิด ตัวอย่างเช่น เราได้รับการสอนในโรงเรียนสถาปัตยกรรมว่าแผ่นพื้นควรถูกวางในทางราบ มีความหนาระดับหนึ่ง และต้องวางอยู่เหนือคานเพื่อสร้างสเปซสำหรับอยู่อาศัย นี่คือความเข้าใจถึง ‘แผ่นพื้น’ ในมุมมองของมนุษย์ เพราะเราได้เรียนรู้มาช้านานผ่านวิวัฒนาการหลายร้อยปีว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการสร้างพื้นที่อยู่อาศัย แต่หากเราก้าวถอยออกมา และลองคลายคำจำกัดความที่ตายตัวของแผ่นพื้นดูว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไร ถูกสร้างมาเพื่ออะไร ควรนำไปใช้ในอาคารอย่างไร เราจะเริ่มเห็นภาพแผ่นพื้นอย่างที่มันเป็นจริงๆ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว มันก็เป็นเพียงชิ้นของพื้นผิวบางๆ ชิ้นหนึ่งที่กลายเป็นสิ่งอื่นได้อีก บางทีพื้นผิวนี้อาจต้องถูกพับ ถูกทำให้ยับย่น หรือถูกตัดบางส่วนออกไปเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยการตั้งคำถามเชิงอภิปรัชญาต่อองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมเหล่านี้ เราจะสามารถหลุดพ้นจากจุดมุ่งหมายแรกเริ่มของการดำรงอยู่ เพื่อค้นพบความหมายใหม่ๆ ได้อย่างเสรี

_____________

Saul Kim เป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในกรุงโซล เขาเริ่มเส้นทางด้านสถาปัตยกรรมที่สิงคโปร์ ก่อนจะย้ายไปลอสแอนเจลิสเพื่อศึกษาระดับปริญญาตรีสถาปัตยกรรมศาสตร์ที่สถาบันสถาปัตยกรรมแห่งเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (Southern California Institute of Architecture หรือ SCI-Arc) และปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ในปี 2563 Saul Kim ได้เปิดตัวซีรีส์งานวิจัยด้านการออกแบบ ‘Architecture Anomaly’ ที่ให้บริการด้านการวางแผนและการออกแบบ นอกจากนี้เขายังสอนที่มหาวิทยาลัยฮงอิก (Hongik University) ในฐานะศาสตราจารย์พิเศษและเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยศิลปะและการออกแบบเควอน (Kaywon University of Art and Design)

saulkim.com
instagram.com/saul_kim_

THE TUBE COLLECTION

TEXT: TIM TEVEN
PHOTO: PIERRE CASTIGNOLA

(For English, press here 

ผลงานชุด The Tube Collection นั้นมีจุดกำเนิดมาจากการทดลองกับวัสดุในรูปแบบต่างๆ อันรวมไปถึงการใช้เครื่องจักรมาเปลี่ยนรูปโลหะ การทดลองเหล่านี้ทำให้ได้มาซึ่งกระบวนการและระบบต่างๆ ที่ช่วยในการเล่นแร่แปรธาตุ และการเปลี่ยนแปลงรูปทรงวัสดุ เป็นสุนทรียะที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นเองจากเครื่องจักรและการดัดแปลงเชิงเทคนิค 

ด้วยการทำให้เส้นแบ่งระหว่างการควบคุมดีเทลงานออกแบบทุกกระเบียดนิ้วและการปล่อยผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นเองเลือนรางลง งานชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างการกระทำโดยเครื่องจักรกลและการกระทำที่เกิดขึ้นจากมือมนุษย์

_____________

Tim Teven (เกิดปี 1993) เป็นนักออกแบบชาวดัตช์ที่จบการศึกษาจากวิทยาลัยการออกแบบ Design Academy Eindhoven ในปี 2018 การสรรหาแนวทางสร้างสรรค์ใหม่ๆ ด้วยการใช้วัสดุในรูปแบบที่แปลกใหม่ผิดแผกไปจากวิธีการทั่วไป เปิดประตูให้เขาได้ค้นพบเทคนิคที่น่าประหลาดใจมากมาย และนำไปสู่การประยุกต์สร้างสรรค์วัตถุที่มีทั้งประโยชน์ใช้สอยและความน่าสนใจ สถานที่ทำงานหลักของ Teven คือสตูดิโอออกแบบของเขาเองในเมืองไอนด์โฮเฟน ที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2018 โดยผลงานทุกชิ้นถูกทำขึ้นจากมือควบคู่ไปกับกรรมวิธีทางอุตสาหกรรม

timteven.com

THIS IS MY VOICE ONE DAY IN THAILAND

TEXT & IMAGE: PIRUTCH MOMEEPHET

(For English, press here

งานชุดนี้เกิดจากแนวคิดที่ว่า ทำไมเวลาที่เราไปต่างประเทศ ต่างจังหวัด หรือแค่ต่างสถานที่ เรามักจะมีมวลความรู้สึกที่ตื่นเต้นในการไปสถานที่เหล่านั้น มันมักจะเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าสิ่งใดกันแน่ที่ทำให้เราเกิดความประทับใจ มันก็คงจะเป็นทุกสิ่งอย่างที่เพิ่งได้มาเจอนี้ที่ประกอบกันให้เกิดความรู้สึก ถ้าจะต้องให้อธิบายก็คงจะเป็นคำว่า ‘mood’ หรือ ‘vibe’ จริงๆ แล้วเราไม่ได้สงสัยด้วยซ้ำว่าเราตื่นเต้นเพราะมันเป็นสิ่งที่แปลกใหม่จริงๆ หรือเป็นเพียงแค่สิ่งเดิมที่ใหม่เพราะมุมมองของเรา

ถ้าหากเราสามารถมองในมุมนั้นได้ ในบางทีสิ่งที่ทำให้เราเกิดความประทับใจ มันอาจจะไม่ได้เป็นสถานที่ที่มีเรื่องราวสำคัญ เป็น iconic places หรือการแนะนำจากบุคคลอื่นด้วยซ้ำไป บางทีมันอาจจะเป็นสถานที่ข้างทางที่เราต้องผ่านตอนไปทำงานทุกเช้า หรือเป็นเพียงตึกข้างทางที่เราเห็นในเวลารถติด

งานชุดนี้จึงเป็นเหมือนการจำลองภาพผ่านมุมมองเป็นบุคคลที่พึ่งเคยมายังประเทศไทย หากเราสามารถมองด้วยมุมมองนั้นได้เหมือนกัน แล้วสิ่งใดล่ะที่จะทำให้เรารู้สึกแบบนั้นได้

_____________

พิรัชย์ โมมีเพชร : BBep.o (เบพ – โป้) กราฟิกดีไซน์เนอร์จากกรุงเทพมหานคร ผู้หลงใหลในศิลปะสไตล์ Retro, Citypop และ สถาปัตยกรรมร่วมสมัย

instagram.com/bbep.o

THE ALPHABETICAL ROOM

TEXT: LIAD SHADMI
PHOTO: LIAD SHADMI & MICHAEL KOHLS

(For English, press here

โปรเจ็กต์ ‘The Alphabetical Room’ สำรวจขอบเขตและข้อจำกัดของการเขียนบนกริดสามมิติในพื้นที่ดิจิตัลอันราบเรียบ การเข้าไปทดลองกับตารางสามมิติบนหน้าจอดิจิตัลที่เป็นระนาบสองมิตินั้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับนักออกแบบกราฟิก โปรแกรมเมอร์ นักเขียนโค้ดเชิงสร้างสรรค์ และศิลปินแนวทัศนศิลป์เสมอมา

 

โปรเจ็กต์เริ่มต้นจากแนวคิดการสร้างกริดสำหรับการออกแบบภายในที่เสนอโดย Josef-Müller Brockmann ในปี 1961 มุมมองของผู้ชมจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตลอดการเปิดแผ่นหน้าแต่ละหน้าของแผ่นพับโปรเจ็กต์ เช่นเดียวกับความละเอียดของกริดสามมิติที่ใช้สร้างชุดตัวอักษร 

ผมอยากจะถือโอกาสนี้ขอบคุณศาสตราจารย์ Pierre Pané-Farré สำหรับคำแนะนำที่ช่วยนำทางโปรเจ็กต์นี้มาจนสำเร็จ

_____________

Liad Shadmi เป็นนักออกแบบกราฟิกอิสระและผู้กำกับศิลป์ที่ทำงานและพำนักอยู่ใน Hamburg  เขาเรียนจบพร้อมเกียรตินิยมจาก Shenkar College of Engineering & Design หนึ่งในโรงเรียนออกแบบชั้นนำของอิสราเอล โดยความเชียวชาญของ Liad ครอบคลุมการออกแบบกราฟิก อัตลักษณ์แบรนด์ การกำกับงานศิลป์ การออกแบบตัวอักษร การพิมพ์และการวางเลย์เอาท์ ไปจนถึงการออกแบบเว็บ โดยการออกแบบและจัดวางตัวอักษรเป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจและนำไปใช้ในงานอยู่เสมอ เขายังมีความสนใจแรงกล้าต่อการทำงานออกแบบเชิงวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานออกแบบพื้นถิ่น เขาเชื่อว่างานออกแบบควรมีรากมาจากการค้นคว้าวิจัยเชิงลึกที่มีทั้งสาระและความหมาย ความมุ่งมั่นของ Liad คือการผสมผสานกลิ่นอายประเพณี และคุณสมบัติแบบคลาสสิค เข้ากับคุณลักษณะความร่วมสมัย

liadshadmi.com

RESONANCES OF THE CONCEALED

TEXT & IMAGE: NAPASRAPHEE APAIWONG

(For English, press here

Resonances of the Concealed เป็นชุดผลงานที่สร้างขึ้นโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือในการสร้างภาพจากจินตนาการและจิตญาณของตัวศิลปิน

ตัวภาพมีที่มาและแรงบันดาลใจมาจากเรื่องต่างๆ ตั้งแต่สิ่งเล็กน้อยรอบๆ ตัวที่ดูไม่ได้มีความสลักสำคัญ เหตุการณ์ต่างๆ ที่ตัวศิลปินพบเจอ ไปจนถึงประเด็นปัญหาในสังคม นำเสนอในลักษณะที่เปิดกว้างให้ผู้ที่รับชมได้ตีความด้วยตัวเอง ผ่านมุมมองและประสบการณ์ของตัวเองได้อย่างอิสระ ไม่ถูกผูกมัดและจำกัดโดยประเด็นหรือหัวข้อที่ศิลปินได้กำหนดเอาไว้

ชื่อของชุดผลงาน มาจากความรู้สึกของตัวศิลปินที่รู้สึกว่าภาพที่สร้างขึ้นจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ สามารถเปิดเผยโลกภายใน ความคิดและความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ของตัวผู้ที่ใช้งานได้อย่างน่าประหลาดใจ เปรียบเสมือนเสียงสะท้อนมาจากส่วนที่ถูกปิดบังเอาไว้ในจิตใจ

ผลงานชุดนี้มีความมุ่งหมายที่จะผลักดันขอบเขตของการเล่าเรื่องผ่านภาพถ่ายโดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพ ตั้งคำถามต่อความสำคัญของกล้องถ่ายรูปและการถ่ายภาพแบบดั้งเดิมในยุคที่ความหมายของรูปถ่ายกลายเป็นเรื่องที่มีความกำกวมและหาเส้นแบ่งที่ชัดเจนได้ยากมากขึ้นเรื่อยๆ

ศิลปินหวังว่าผลงานชุดนี้จะช่วยริเริ่มบทสนทนาที่มีความหมายจากผู้รับชมเกี่ยวกับการตีความของตัวภาพ ไปจนถึงธรรมชาติของศิลปะภาพถ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

_____________

pale flare (นภัสรพี อภัยวงศ์) ช่างภาพและศิลปินทัศนศิลป์ จากกรุงเทพฯ โดยผลงานมักสำรวจถึงประเด็นด้านสุขภาพจิต วัฒจักรชีวิต และความงามในสิ่งที่มักถูกมองข้ามในชีวิต ตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวคิดในเรื่องของความสุข ความเศร้า และจุดสิ้นสุดของสรรพสิ่ง และมีความเชื่อว่าภาพถ่าย สามารถเป็นได้มากกว่าแค่เพียงการจับโมเมนต์หรือบันทึกวัตถุที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นสื่อที่สามารถแสดงออกถึงสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้ และเชื่อมโยงมนุษย์เข้าหากันผ่านทางการสำรวจประสบการณ์ร่วมของผู้คน

instagram.com/pale_flare